เมื่อพูถุงสื่อออนไลน์ในปัจจุบันมีทั้งให้ความบันเทิงและให้ความรู้
ซึ่งมีสื่อออนไลน์หลายสื่อที่รวบรวมทั้งความบันเทิงและความรู้เข้าด้วยกัน
ทำให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่พูดมาดังกล่าวจะเรียกว่า Edutainment การเรียนรู้แบบนี้จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วีซีดี ดีวีดี หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น
ดิฉันจึงได้ฝึกการฟังจากสื่อต่างๆเหล่านี้ โยการฟังเพลง
และประโยชน์จากการฟังเพลงนั้นมีมากมาย ทำให้เกิดผลดีกับตัวดิฉันเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ดิฉันยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยคต่างๆ
กับการพูดในสถานการณ์ที่อยู่ในโรงแรมหรือเรียกอีกอย่างว่า
ภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม
Edutainment มาจากคำว่า Education + Entertainment ซึ่งหมายถึงการศึกษาและความบันเทิง เมื่อนำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า
การศึกษาที่เน้นการให้ความรู้สาระต่างๆ ในบรรยากาศที่สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
เป็นการรวมกิจกรรมด้านบันเทิงเข้ากับด้านการศึกษาได้
ทั้งนี้การจัดการศึกษาในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น
การนำรูปแบบ Edutainment มาประยุกต์ใช้ที่น่าสนใจแห้งหนึ่งคือ
การศึกษาเชิงหรรษา ของคณะศึกษาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบสนองรูปแบบการเรียนรู้แบบ Edutainment ได้เป็นอย่างดี
การเรียนรู้ในรูปแบบการฟังถือเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำให้เราเก่งภาษามากยิ่งขึ้น
ซึ่งการฟังนั้นอาศัยการฝึก 2 รูปแบบควบคู่กันไป ได้แก่
การฟังแบบจับใจความทั้งหมดคือในขณะที่ฟังให้ฝึกจับใจความโดยการสร้างมโนภาพตาม
โยเราต้องพยายามจับคำหลักและแปลงหรือจินตนาการเป็นภาพให้เร็วที่สุด
ต่อมาพยายามฟังคำศัพท์ให้ได้มากที่สุด เพื่อจะทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ
ต่อมาคืออ่านหนังสื่อภาษาอังกฤษเพื่อเรียนรู้ว่าเจ้าของภาษาเขาเลือกใช้คำศัพท์อย่างไร
ในแต่ละสถานการณ์ ประการที่สองคือ การฝึกฟังแบบลงรายละเอียด
จะต้องฝึกอย่างตั้งใจและพยายามสังเกตว่า
เจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไรและให้ฝึกออกเสียงตาม
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการฟังแบบที่สองคือ
การฟังแบบลงรายละเอียด
พยายามฟังอย่างตั้งใจและสังเกตว่าเจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไรและออกเสียงตาม
และสังเกตไวยากรณ์และคำศัพท์ใช้อย่างไรในบริบทนั้นๆ
นั้นคือเราจะได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆจากการดูภาพยนตร์ต่างประเทศ ฟังเพลง
หรือการฟังข่าว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ การดูหนังต่างประเทศนั้น
เราควรฝึกฟังจากภาษาอังกฤษก่อน และให้สังเกตการณ์แสดงสีหน้าความรู้สึกของตัวละคร
ดิฉันจึงได้เลือกทักษะการฟัง
การฟังเพลง Love story ซึ่งเมื่อดิฉันได้เริ่มฟังก็พยายามจับใจความ
พยายามสังเกตไวยากรณ์และคำศัพท์ที่พอจะฟังเข้าใจ และยังได้ทบทวนเรื่อง tense
อีกด้วย เช่น ประโยคที่ว่า We were born young when I first
saw you จะเป็น past simple tense เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่เด็ก
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อีกด้วย เช่น balcony แปลว่า ระเบียง ,
staircase แปลว่า บันไดทอดหนึ่ง และ begging แปลว่า
ขอ และยังได้ฟังสำเนียงเสียงที่ถูกต้องอีกด้วย
รายการโทรทัศน์ก็เป็นสื่อการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้
ดิฉันจึงได้ดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง คือ ภาษาอังกฤษติดล้อ
ซึ่งเป็นตอนธุรกิจการโรงแรมหรือเรียกอีกอย่างว่าภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรมนั่นเอง
จากการไม่ดูและได้ฟังนั้นมีประโยคและบทสนทนามากมายที่สามารถทำให้เราสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงไม่ว่าจะเป็นการสอบถาม
การ Check-in , Check-out เป็นต้น ตัวอย่างเช่น I would like a room , please. ฉันต้องการห้องพัก
, Do you have a reservation? คุณได้จองห้องพักไว้รึเปล่า ,
ประโยคดังกล่าวจะใช้ในการ Check-in หรือเมื่อต้องการเข้าห้องพักนั่นเอง
และยังได้คำศัพท์ใหม่ๆจากการดูคือ poster = พนักงานขนกระเป๋า
, doorman = พนักงานเปิดประตู , check-in = ลงทะเบียนห้องพัก และ check-out = คืนห้อง เป็นต้น
นอกจากนี้ชมการใช้ภาษาอังกฤษในโรงแรมแล้วดิฉันได้เลือกดูภาษาอังกฤษที่ใช้ในสถานการณ์ที่อยู่โรงพยาบาล
เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์จริงๆที่โรงพยาบาลสิ่งแรกที่เราต้องทำคือต้องไปที่ Registration counter หรือเรียกว่า เวชระเบียน เรามาเพื่อกรอกประวัตินั้นเอง หลายคนที่เรียก ICU
กันติดจนติดปากแท้จริงแล้วมันย่อมาจาก คำว่า Intensive care
unit ห้องฉุกเฉิน หรือเมื่อเราป่วยเราต้องเข้าไปในห้องตรวจ
ภาษาอังกฤษคือ Examination room หากคุณหมอจะสอบถามคนไข้ว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่า
จะใช้ภาษาอังกฤษว่า Are you allergic to any drugs? และถ้าเราจะบอกว่า
เท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยแพ้ยาอะไรให้บอกว่า So far , I am not allergic
to any drugs. และเมื่อเราเข้าพบคุณหมอจะถามว่า What is
your symptom. คุณมีอาการเจ็บป่วยอะไรมาครับ เราสามารถตอบไปได้ว่า I think I have a cold. ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดหรืออาจจะบอกอาการอื่นๆก็ได้
นอกจากนี้ได้เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวกับเรื่องในโรงพยาบาลหรืออาการป่วยต่างๆอีกด้วย
เช่น nausea = คลื่นไส้ , headache = ปวดหัว
, stomachache = ปวดท้อง , high fever = ไข้สูง เป็นต้น
จากการที่ดิฉันได้เรียนรู้ดิฉันคิดว่าการเรียนรู้แบบ
Edutainment นั้นเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากในรูปแบบหนึ่ง
เพราะเป็นการเรียนรู้ที่ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย
เด็กบางคนมีสมาธิสั้น
การเรียนอย่างเดียวที่ไม่มีความบันเทิงอาจทำให้เขารู้สึกเบื่อ
ไม่ดึงดูดใจเขาจึงเกิดความไม่อยากเรียนรู้
ดังนั้นการแทรกความบันเทิงเข้าไปจะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยการเรียนรู้ที่มีความบันเทิง ความสนุกสนาน ได้ด้วยนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง การฟังเพลง การฟังข่าว การดูรายการ
สารคดีต่างๆของต่างประเทศ ก็สามารถทำให้เราเกิดการเรียนรู้แบบ Edutainment ได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น