วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 7 (สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน)


เมื่อพูถุงสื่อออนไลน์ในปัจจุบันมีทั้งให้ความบันเทิงและให้ความรู้ ซึ่งมีสื่อออนไลน์หลายสื่อที่รวบรวมทั้งความบันเทิงและความรู้เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งสิ่งที่พูดมาดังกล่าวจะเรียกว่า Edutainment การเรียนรู้แบบนี้จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วีซีดี ดีวีดี หรืออินเตอร์เน็ต เป็นต้น ดิฉันจึงได้ฝึกการฟังจากสื่อต่างๆเหล่านี้ โยการฟังเพลง และประโยชน์จากการฟังเพลงนั้นมีมากมาย ทำให้เกิดผลดีกับตัวดิฉันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ดิฉันยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยคต่างๆ กับการพูดในสถานการณ์ที่อยู่ในโรงแรมหรือเรียกอีกอย่างว่า ภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรม

Edutainment มาจากคำว่า Education + Entertainment ซึ่งหมายถึงการศึกษาและความบันเทิง  เมื่อนำมารวมกันก็จะมีความหมายว่า การศึกษาที่เน้นการให้ความรู้สาระต่างๆ ในบรรยากาศที่สร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เป็นการรวมกิจกรรมด้านบันเทิงเข้ากับด้านการศึกษาได้ ทั้งนี้การจัดการศึกษาในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น การนำรูปแบบ Edutainment มาประยุกต์ใช้ที่น่าสนใจแห้งหนึ่งคือ การศึกษาเชิงหรรษา ของคณะศึกษาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ตอบสนองรูปแบบการเรียนรู้แบบ Edutainment ได้เป็นอย่างดี

การเรียนรู้ในรูปแบบการฟังถือเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ในรูปแบบหนึ่งที่สามารถทำให้เราเก่งภาษามากยิ่งขึ้น ซึ่งการฟังนั้นอาศัยการฝึก 2 รูปแบบควบคู่กันไป ได้แก่ การฟังแบบจับใจความทั้งหมดคือในขณะที่ฟังให้ฝึกจับใจความโดยการสร้างมโนภาพตาม โยเราต้องพยายามจับคำหลักและแปลงหรือจินตนาการเป็นภาพให้เร็วที่สุด ต่อมาพยายามฟังคำศัพท์ให้ได้มากที่สุด เพื่อจะทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ ต่อมาคืออ่านหนังสื่อภาษาอังกฤษเพื่อเรียนรู้ว่าเจ้าของภาษาเขาเลือกใช้คำศัพท์อย่างไร ในแต่ละสถานการณ์ ประการที่สองคือ การฝึกฟังแบบลงรายละเอียด จะต้องฝึกอย่างตั้งใจและพยายามสังเกตว่า เจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไรและให้ฝึกออกเสียงตาม

นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการฟังแบบที่สองคือ การฟังแบบลงรายละเอียด พยายามฟังอย่างตั้งใจและสังเกตว่าเจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไรและออกเสียงตาม และสังเกตไวยากรณ์และคำศัพท์ใช้อย่างไรในบริบทนั้นๆ นั้นคือเราจะได้ฝึกฟังภาษาอังกฤษบ่อยๆจากการดูภาพยนตร์ต่างประเทศ ฟังเพลง หรือการฟังข่าว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ การดูหนังต่างประเทศนั้น เราควรฝึกฟังจากภาษาอังกฤษก่อน และให้สังเกตการณ์แสดงสีหน้าความรู้สึกของตัวละคร

ดิฉันจึงได้เลือกทักษะการฟัง การฟังเพลง Love story ซึ่งเมื่อดิฉันได้เริ่มฟังก็พยายามจับใจความ พยายามสังเกตไวยากรณ์และคำศัพท์ที่พอจะฟังเข้าใจ และยังได้ทบทวนเรื่อง tense อีกด้วย เช่น ประโยคที่ว่า We were born young when I first saw you จะเป็น past simple tense เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อีกด้วย เช่น balcony  แปลว่า ระเบียง , staircase แปลว่า บันไดทอดหนึ่ง และ begging แปลว่า ขอ และยังได้ฟังสำเนียงเสียงที่ถูกต้องอีกด้วย

รายการโทรทัศน์ก็เป็นสื่อการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ ดิฉันจึงได้ดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง คือ ภาษาอังกฤษติดล้อ ซึ่งเป็นตอนธุรกิจการโรงแรมหรือเรียกอีกอย่างว่าภาษาอังกฤษเพื่อการโรงแรมนั่นเอง จากการไม่ดูและได้ฟังนั้นมีประโยคและบทสนทนามากมายที่สามารถทำให้เราสามารถนำไปใช้ในสถานการณ์จริงไม่ว่าจะเป็นการสอบถาม การ Check-in , Check-out เป็นต้น ตัวอย่างเช่น  I would like a room , please. ฉันต้องการห้องพัก , Do you have a reservation? คุณได้จองห้องพักไว้รึเปล่า , ประโยคดังกล่าวจะใช้ในการ Check-in หรือเมื่อต้องการเข้าห้องพักนั่นเอง และยังได้คำศัพท์ใหม่ๆจากการดูคือ poster = พนักงานขนกระเป๋า , doorman = พนักงานเปิดประตู , check-in = ลงทะเบียนห้องพัก และ check-out = คืนห้อง เป็นต้น

นอกจากนี้ชมการใช้ภาษาอังกฤษในโรงแรมแล้วดิฉันได้เลือกดูภาษาอังกฤษที่ใช้ในสถานการณ์ที่อยู่โรงพยาบาล เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์จริงๆที่โรงพยาบาลสิ่งแรกที่เราต้องทำคือต้องไปที่ Registration counter หรือเรียกว่า เวชระเบียน  เรามาเพื่อกรอกประวัตินั้นเอง หลายคนที่เรียก ICU กันติดจนติดปากแท้จริงแล้วมันย่อมาจาก คำว่า Intensive care unit ห้องฉุกเฉิน หรือเมื่อเราป่วยเราต้องเข้าไปในห้องตรวจ ภาษาอังกฤษคือ Examination room หากคุณหมอจะสอบถามคนไข้ว่าแพ้ยาอะไรหรือเปล่า จะใช้ภาษาอังกฤษว่า Are you allergic to any drugs? และถ้าเราจะบอกว่า เท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยแพ้ยาอะไรให้บอกว่า So far , I am not allergic to any drugs.  และเมื่อเราเข้าพบคุณหมอจะถามว่า What is your symptom. คุณมีอาการเจ็บป่วยอะไรมาครับ เราสามารถตอบไปได้ว่า  I think I have a cold. ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไข้หวัดหรืออาจจะบอกอาการอื่นๆก็ได้ นอกจากนี้ได้เรียนรู้คำศัพท์ที่เกี่ยวกับเรื่องในโรงพยาบาลหรืออาการป่วยต่างๆอีกด้วย เช่น nausea = คลื่นไส้ , headache = ปวดหัว , stomachache = ปวดท้อง , high fever = ไข้สูง เป็นต้น

จากการที่ดิฉันได้เรียนรู้ดิฉันคิดว่าการเรียนรู้แบบ Edutainment นั้นเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากในรูปแบบหนึ่ง เพราะเป็นการเรียนรู้ที่ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย เด็กบางคนมีสมาธิสั้น การเรียนอย่างเดียวที่ไม่มีความบันเทิงอาจทำให้เขารู้สึกเบื่อ ไม่ดึงดูดใจเขาจึงเกิดความไม่อยากเรียนรู้ ดังนั้นการแทรกความบันเทิงเข้าไปจะทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเรียนรู้ที่มีความบันเทิง ความสนุกสนาน ได้ด้วยนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง การฟังเพลง การฟังข่าว การดูรายการ สารคดีต่างๆของต่างประเทศ ก็สามารถทำให้เราเกิดการเรียนรู้แบบ Edutainment ได้อย่างง่ายดาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น