วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 10 (สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน)



            การเรียนรู้นอกห้องเรียนช่วยให้ดิฉันสามารถค้นคว้าหาในสิ่งที่ตัวเองชอบได้อย่างเป็นอิสระและได้รับความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มักจะมีความแตกต่างจากการเรียนในห้องเรียน ซึ่งทำให้เราเข้าใจตัวเองว่า เราชอบอะไร เราสนใจอะไร และการเรียนรู้นอกห้องเรียนถือเป็นการบำบัดอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เรามีความผ่อนคลาย สบายใจในยามที่เราเกิดความเครียดขึ้นมา เพราะเมื่อเราสามารถเลือกรูปแบบในการเรียนรู้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะต้องหาความรู้ที่รู้สึกว่าเครียด แต่เมื่อได้เรียนรู้จากสื่อที่แปลก ๆ อาจทำให้เรารู้สึก อยากที่จะเรียนรู้มากขึ้นและตั้งใจเรียนมากขึ้น ทำให้เราได้รับความรู้ไปพร้อม ๆ กับความเพลิดเพลิน และแหล่งการเรียนรู้หลายแหล่งก็ทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ ๆ มากมาย เช่น วิดีโอเพลง ,โทรทัศน์ เป็นต้น การเรียนรู้นอกห้องเรียนจึงเป็นการพัฒนาตัวผู้เรียนได้ดีมากขึ้น

            การเรียนรู้ที่ดิฉันได้ศึกษาและสนใจประการแรกคือ การฟังเพลง Mine –Taylor Swift ซึ่งสามารถสรุปเนื้อเพลงได้ดังนี้ เพลงนี้จะกล่าว เด็กสาวที่มีประสบการณ์ไม่ดี เพราะแม่เลิกรากัน เมื่อเธอเจอใครสักคนที่รักเธอ เธอถึงไม่มั่นใจว่าความรักของเธอและเขาจะไปด้วยกันได้มั้ย เพราะเธอไม่อยากให้ความรักของเธอเป็นอย่างพ่อแม่ของเธอ คำศัพท์น่ารู้คือ Couch (เลาซ์) = โซฟา , rebel  (เรเบล) = ปฏิวัติ ซึ่งเป็นคำกิริยา แต่ถ้าเป็นคำนามคือ Rebellion =การปฏิวัติ by the water = ริมแม่น้ำ ซึ่งตัวเราต้องการบอกตำแหน่งว่าอยู่ริม หรือข้าวกับอะไรก็พูดว่า by แล้วตามด้วย (สถานที่)  , put you am around = กอด หรือในภาษาอังกฤษคือ hug , But we got bills to play  ซึ่งประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่า เรามีบิลต้องจ่ายอย่างเดียว แต่คำนี้หมายถึงเรื่องราวชีวิตคู่มากมายที่สามี-ภรรยาทั้งสองคนจะต้องสะสางและผ่านสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน , Figure out = คิดออก ดูออก , Slipping right out of out hands = หลุดมือไป ,หรือรังไว้ไม่อยู่ , risk = ความเสี่ยงและ Wonder = สงสัย

            และเนื้อเพล Mind มีอยู่ตอนหนึ่งที่ดิฉันชอบมาก คือ Braced myself for the goodbye , cause that’s all l’ve ever known . Then you took me by surprise You said “I’ll never leave you alone” กอดฉันเพื่อบอกลา นั่นล่ะที่ดิฉันรู้ และเธอก็ทำให้แปลกใจ เธอบอกว่า “ฉันไม่มีวันทิ้งเธอไว้ลำพัง” ได้ความรู้ดังนี้ surprise เป็นการประหลาดใจหรือคาใจ (ในการบอก) ซึ่งเป็นอารมณ์หรือเกี่ยวกับความรู้สึก และดิฉันก็ได้ค้นคว้าเกี่ยวกับการบอกความรู้สึกในใจอีกด้วย

            ได้เรียนรู้จากการอ่านโฆษณาภาษาอังกฤษ ดิฉันได้พัฒนาทั้งทักษะการอ่าน ทักษะการฟัง ได้คำศัพท์ใหม่ หรือรู้จักสำนวนต่าง ๆ ในการนำมาเขียนโฆษณา เช่น ต่อไปนี้เป็นการโฆษณาที่เกี่ยวกับการสร้างระบบที่ใช้ผลิตภัณฑ์ไมโครซิพตัวใหม่ในโลก ซึ่งมีบทความภาษาอังกฤษว่า Information for everyone we make the  systems used  to produce virtually new microchip in the worked : A worldwide market requites a global perspective , Our market is the word. And by acknowledging and embracing our diverse culture.  We draw open the enormous potential of every employee to serve it. A leader in produce the systems that enahe the Information Age, Applied Material’s dynamic work environment fosters creativity and teamwork. Join one of the most diverse, skilled and knowledgeable workforces in the world. You’ll agree , it’s  a powerful experience. To learn more , visit our website www. Applied materials. com/careers

            สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโฆษณา ดังกล่าว We make the systems used to produce virtually every new microchip in the world. จากคำว่า make แปลว่าทำมี รูปแบบตัวอย่างประโยค คือ I can make John come to the party. ฉันสามารถทำให้เขามางานเลี้ยงได้ She make him cry. หล่อนทำให้เขาร้องไห้. จะเห็นได้ว่าจากประโยคดังกล่าวจะเป็นรูปแบบ make someone do something ซึ่งดูจากประโยคแรก someoneในที่นี้คือ John  และ someone หมายถึงสิ่งที่มีชีวิต ดังนั้นสามารถเป็นสัตว์ก็ได้เช่นกัน แต่ในกรณีที่หลังคำว่า make เป็นสิ่งของหรือสิ่งไม่มีชีวิต จะเป็นในรูปแบบ “make something done” นั่นก็คือจะต้องตามด้วยกริยาช่องที่สามนั่นเอง He tried to make the car run. เขาพยายามทำให้รถยนต์วิ่ง ดังนั้นจากประโยคนี้จะเห็นว่า “the system” ไม่มีชีวิต ดังนั้นถือว่าเป็น something ดังนั้นจึงอยู่ในรูปแบบ make something done และตามด้วย used ที่เป็นกิริยาช่องสามนั่นเอง

ใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้เราสามารถเรียก chip ได้อีกความหมายคือ แผ่นมันฝรั่งทอดกรอบได้อีกเช่นกัน และถ้าเราเติม prefix คือ micro เข้าไปทำให้มีความหมายว่าแผ่นซิบที่เล็ก ๆ (micro คือ 1 ในล้าน) นอกจากนั้นยังมี prefix ในกลุ่มบอกขนาดคือ “Milli” คือหนึ่งส่วนพัน (one-thousandth) เช่น milligram คือ หน่วยวัดน้ำหนักที่มีค่าเท่ากับ 0.001 กรัม “nano” คือ หนึ่งในพันล้านดังนี้ถ้าเราเป็น Nano chip ก็ยิ่งเล็กเข้าไปอีก ซึ่งมีอีกคือคำว่า “macro” นั่นเอง แปลว่าใหญ่นั่นเอง

            อีกหนึ่งโฆษณาที่น่าสนใจคือ โฆษณาความแตกต่างคือสิ่งทีก่อให้เกิดความคิดความแตกต่างคือสิ่งที่สร้างทางออกที่เป็นเอกลักษณ์ความแตกต่างคือสิ่งที่สร้างซีรอกซ์ซึ่งมีบทความโฆษณาว่า Different is what spawns ideas. Different is what creates unique solution. Different is what makes  Xecor , Our workface is diversity in action ,By bringing together talent from al races, beliefs. Ages, sexual orientation and disabi likes, we create product that cover the spectrum and technologies that span the globe. With fresh ideas and new perspective, we’ll conative to by the driving force behind chancy and a pioneer in this digital age.

            จากโฆษณาได้เรียนความรู้คือคำว่า  that ในที่นี้ใช้แทนคำนาม products ดังนั้น that ก็คือ คำสรรพนามนั้นเองหรือเรียกกันว่า  Restive Pronoun มีหน้าที่เป็นคำเชื่อมประโยค และในเวลาเดี่ยวกันก็สามารถใช้แทนคำนามที่อยู่ข้างหน้าได้ โดยที่ that ใช้แทนได้ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ โดยเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ตัวอย่างเช่น The river that flows through Bangkok is the Chao Prays. นอกจากนี้ยังมีRelative Pronoun ตัวอื่น ๆ คือ Who , Whom, Where, Whose  ซึ่ง Who , Whom ให้ความหมายว่า ผู้ซึ่งจะใช้กับคน ต้วอย่างประโยคเช่น The girl brake the glass. The girl who broke the glass is Mary และสามารถใช้ that แทน whom ได้  Which ให้ความหมายว่าอันซึ่งใช้กับคนและสิ่งของ เช่น  The river flows through Bangkok.  The river which floes through Bangkok is the Chao Phraya.

            Where  หมายความว่า ที่ซึ่งในแทนสถานที่ เมื่อใช้ Which แล้วไม่ต้องใช้บุพบทแสดงสถานที่ เช่น We live in this village.  The village where we live is very small , Whose ให้ความหมายว่า ซึ่ง...ของเขา(แสดงความเป็นเจ้าของ) ใช้กับคน , สัตว์ , สิ่งของ The woman’s son died last night.  The women son died last night is crying.  อีกหนึ่งประโยคที่สามารถนำมาเป็นความรู้ได้คือ After all ,our difference  are strengths.  สำนวน “after all” หมายถึง anyway , pn spite of what had been decided นั่นคือ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรถูกตัดสินใจไปแล้ว ตัวอย่าง เช่น It looks like Tom will go to law school after all. ดูเหมือนว่าอย่างไรก็ตามทอมจะเข้ากฎหมาย

            คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายที่มีความหมายเหมือนกันแต่การใช้มักจะต่างกันหรือบางครั้ง Part of speech อาจต่างกัน เช่นคำว่า Good-Well มีความหมายว่าดี ทั้งสองคำ คือ Good จะมี Part of speech คือ Adjective และ well มี Part of speech เป็นAdverb แต่บางครั้งดิฉันมักจะใช้มันผิดบ่อย ๆ ยกตัวอย่างประโยคเช่น I did good on the testซึ่งประโยคดังกล่าวเป็นประโยคที่ถูกต้องคือ I did well on the test. หลักในการจำง่าย ก็คือจะใช้ good เมื่อต้องการบรรยายว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด “เป็น” อาจมีการใช้ is คู่ไปในประโยค หรือใช้หลัก adj มักใช้คู่กับ verb to be ตัวอย่างเช่น She is a good tennis player. (เธอเป็นนักเทนนิสที่ดี) , Tom thinks he is a good listener. (ทอมคิดว่าเขาเป็นผู้ฟังที่ดี) ส่วน well ใช้เมื่อต้องบรรยายว่าสิ่งหนึ่งหนึ่งสิ่งใดหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด “ทำ”  (อาจมีการใช้ does คู่ไปในประโยค) หรือใช้หลัก adv. ทำหน้าที่ขยายverb ในประโยคนั้น ) ตัวอย่างเช่น She did extremely well on the exam. (เธอทำข้อสอบได้อย่างดีมาก) ,Our parents think we speak English well ผู้ปกครองของพวกเราคิดว่าพวกเราพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี

            นอกจากนี้ดิฉันมักสับสนการใช้พวก  other , another, the other, others, the others ดังนั้นในแต่ละคำมีความหมายและวิธีการใช้อย่างแตกต่างกัน คือ other แปลว่า อื่น ๆ โดยจะวางไว้หน้าคำนามที่เป็นพหูพจน์ (other + พหูพจน์) ตัวอย่างเช่น This drug can be safely used in combination with other medicines. และ The country has vast oil reserves and rich deposits of other minerals. ตัวต่อมาคือ others ซึ่งแปลว่า อันอื่น ๆ ที่เหลือ แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนแต่รู้ว่ามากกว่า 1 ตัวอย่างเช่น Some writes are greater than the others. และ Some people enjoy country life , others prefer city life. ตัวต่อมาคือ the other แปลว่า อีกอันหนึ่งที่เหลือ โดยจะใช้เมื่อพูดถึงของ 2 อย่าง ซึ่งจะพูดอย่างแรกไปแล้ว แล้วจะพูดถึงอย่างทีสองที่เหลืออยู่ โดยเราจะรู้จำนวนอยู่แล้วแน่นอนว่าเหลืออีกแค่อย่างเดียว ตัวอย่างเช่น I went to the movie theatre with my two friends.  The first one is Marry and the other one is Jacky.  และ They hed two little day hres , one a baby and the other one a girl of nine.

            The others แปลว่า อันอื่น ๆ ที่เหลือหรือคนอื่น ๆ ที่เหลือหรือคนอื่น ๆ ที่รู้จักจำนวนที่แน่นว่าเหลือเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามากกว่า 1 ตัวอย่างเช่น There are ten pets in my house.  Seven are days  and the others are cats. คือเรารู้แน่นอนว่าที่เหลือเป็นแมวอีก 3 ตัว และ Another แปลว่า อีกสิ่งหนึ่ง อีกอันหนึ่ง some one จะวางไว้หน้าคำนามเอกพจน์ (another+นามนับได้เป็นเอกพจน์) ตัวอย่างเช่น We can fit another person in my car และ I’m going to have another piece of cake. สรุปเทคนิคและข้อสังเกตการใช้ได้ดังนี้ คือ other= other + s อื่นๆ ที่มากกว่า 1 ,Another=an other อีกสิ่งหนึ่ง แค่อันเดี่ยว, The other = The + other อีกสิ่งหนึ่งที่พูดถึงของ 2 อย่าง และ The others = The + other + s อื่น ๆ ที่มากกว่า 1 โดยรู้จำนวนที่แน่นอน นอกจากนี้สามารถใช้ other คู่กับ some + คำนามพหูพจน์ หรือ some ซึ่งใช้แทนคำนามพหูพจน์ ตัวอย่างเช่น some people eat so the they many live ; others seem to live so that may eat. และ Some were singing ; others were dancing.

            บางครั้งเรามีหลายความรู้สึก เรารู้สึกอย่างนู้น  เรารู้สึกอย่างนี้ แต่บางครั้งเมื่อมีความรู้สึกแล้วเราต้องการสื่อสารกับชาวต่างชาติ แต่เราไม่สามารถพูดความรู้สึกนั้นออกไปได้เพราะเราไม่รู้ภาษาอังกฤษ ดิฉันจึงได้ศึกษาค้นคว้าความรู้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก โดยการดู ฟัง และการเขียนไปด้วย จากการดู Youtube:( Chick by Mahidol = Feeling เคล็ดลับเข้าใจ การใช้ –ed และ –ing  สำหรับการบอกความรู้สึกในภาษาอังกฤษ) ความรู้สึกที่รับคือ feeling = ความรู้สึก ถ้าเราอยากจะบอกว่าเรารู้สึกยังไง จะใช้ว่า  I feel….= ฉันรู้สึก หรือ I am …..แต่ก็มีข้อควรระวัง เพราะคำบางคำนั้นอาจไม่ใช่ความหมายที่บอกความรู้สึก เช่น I feel good… ฉันรู้สึกดี ในทางกลับกันถ้าเราใช้ I am แล้วตามด้วย good = I am good ก็จะหมายถึง ฉันเก่ง ฉันดี นั่นเอง ดังนั้นส่วนใหญ่เราจะใช้ I feed…เพื่อบอกความรู้สึก มากกว่า I am…

            ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกี่ยวกับการบอกหรือการพูดความรู้สึก คือ การใช้ – ing  และ – ed คือ ถ้าเราใช้ – ing  ก็จะหมายความว่า “น่า” แต่ถ้าเราใช้ – ed ก็จะหมายความว่า “รู้สึก” เช่น คำว่า boring = น่าเบื่อ , bored = รู้สึกเบื่อ ถ้าเราเกิดมีความสับสนใช้สลับกันอาจทำให้สับสนในความหมายได้ เช่น ถ้าเราพูดว่า I am boring นั้นแปลว่า ฉันน่าเบื่อ หรือถ้าเราพูดถึงบางคนว่าเธอรู้สึกเบื่อ แต่กลับพูดภาษาอังกฤษว่า She is boring.เธอน่าเบื่อ อาจทำให้เขารู้สึกไม่พอใจได้ ซึ่งประโยคที่ถูกต้องคือ She is bored. หรือบางครั้งเราพูดไปว่า I am exciting. ซึ่งแปลว่าฉันน่าตื่นเต้น ซึ่งทำให้เราสื่อสารกับคนอื่นผิดได้เราควรใช้คำว่า I am excited. และส่วนใหญ่จะใช้พูดถึงเหตุการณ์ เช่นการดูหนังหรือการทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งความรู้สึกตื่นเต้นมีอยู่ 2 แบบ คือ ตื่นเต้นแบบดีใจ เราจะใช้ excited เช่น I am really excited to meet you, chrit ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจออาจารย์คริส แต่ถ้าเรารู้สึกตื่นเต้นแบบประหม่า ตื่นเต้นในการสัมภาษณ์งาน เราจะใช้คำว่า nervous = รู้สึกประหม่า เช่น I am really nervous. ฉันรู้สึกประหม่า

            ความรู้สึกตกใจก็มี 2 แบบ คือ surprised= ประหลาดใจ ตกใจ (ในทางที่ดี)และแบบที่สองคือ shocked = ตกใจ (ในทางที่แย่) สมมติถ้าเขาบอกกับเราว่า My dog died last night. สุนัขของฉันตายเมื่อคืนนี้ ห้ามเราตอบไปว่า I am surprised เพราะเจ้าของสุนัขคิดว่าเป็นเราที่ฆ่าสุนัขของเขาได้ ความรู้สึกต่อมาคือคำว่า interesting = น่าสนใจ เช่น  This book is very interesting English. ฉันรู้สึกสนใจภาษาอังกฤษ ต่อมาถ้าเราจะบอกน่าสับสน ใช้คำว่า Confusing  เช่น the Mac Book is very confusing. คอมพิวเตอร์เม็คบุ๊คน่าสับสน และถ้าเราจะบอกว่า เรารู้สึกสับสน I am confused. คำต่อไปคือ relaxing ผ่อนคลาย ส่วน relaxed รู้สึกผ่อนคลาย เช่น You learn best when you are relaxed. คุณจะเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อคุณรู้สึกผ่อนคลาย และถ้าเราเจออะไรที่น่ากลัวน่าขยะแขยงก็สามารถพูดได้ว่า I fed disgussed. บางครั้งเราอาจผิดหวังกับอะไรบางอย่าง เราสามารถพูดได้ว่า I am fed disappointed in you. ถ้ารู้สึกผิดหวังในตัวเธอ I am disappointed as’th th’s movie ฉันรู้สึกผิดหวังในหนังเรื่องนี้

            นอกจากนี้ดิฉันได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกแล้ว ดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับ Two Word in one (1 คำศัพท์ 2 ความหมาย) ซึ่ง 1 คำศัพท์ ที่เป็นได้ทั้งคำนาม (N) และคำกิริยา (V) ตัวอย่างคือ คำว่า book ถ้าเป็น (N) = หนังสือ , (v) = จอง เช่น Can you please book table for me? ช่วยจองโต๊ะให้หน่อยได้ไหม คำต่อมาคือ  drink ในคำนามหมายถึงเครื่องดื่ม ถ้าเป็นกิริยาแปลว่าดื่ม ถ้ามีคนมาที่บ้านของคุณแล้วเราจะถามว่ารับเครื่องดื่มสักแก้วไหมให้ ถามว่า Would you like same drink? ถ้ามาเคนเดียวให้ถามว่า  Would you like a drink? คำต่อมาคือ break ในคำกิริยาหมายถึง ทำพัง , ทำเสีย เช่น I broke my phone ฉันทำโทรศัพท์พัง ถ้าเป็นคำนามจะหมายถึง การพักผ่อน เราอาจได้ยินบ่อยเมื่อมีการสัมมนาหรือประชุม

            Turn ถ้าเป็นคำกิริยาหมายถึง เลี้ยว ถ้าเป็นคำนามแปลว่า ตา (ขอบ) เช่น ตาขอบคุณ It’s your turn อาจนำไปใช้เมื่อมีการเล่นเกมหรือทำกิจกรรม คำต่อมาคือ sink ถ้าเป็นคำนามจะมีความหมายว่า sink  อ่างล้างจาน ส่วน sink ถ้าเป็นคำกิริยาจะแปลว่า ลม ส่วนใหญ่จะใช้กับสิ่งของที่จม ถ้าคนจมน้ำให้ใช้ค่า drown (คนจมน้ำ) ต่อมาคือ play คำกิริยา หมายถึง เล่น ถ้าเป็นคำนามจะหมายถึง ละคร  เช่น I am going to watch a play tonight. คืนนี้ผมจะไปดูละครเวที ต่อมา Change หลายคนคุ้นเคย ซึ่งChange คำกิริยาแปลว่าเปลี่ยนแปลง เช่น I am going to change my clothes ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าเป็นคำนามจะหมายถึง เศษตังหรือเงินทอน เช่น Do you have any change ? คุณมีเศษตังค์บ้างไหม keep the change เก็บเงินทอนไว้เลย

            Beat ถ้าเป็นคำกิริยาจะหมายถึง ตี หรือ เอาชนะคู่แข่ง เช่น Liverpool beat Arsenal 5-1 ลิเวอร์พลูเอาชนะอาร์เซนอล 5-1 คำต่อมาคือ water ซึ่งคำนี้หลายคนรู้จักดีในคำนามซึ่งมีความหมายว่า น้ำ และคำกิริยาของwater อาจยังไม่คุ้นซึ่งแปลว่ารดน้ำ เช่น water the plant รดน้ำต้นไม้ คำว่า plant  ในคำนามจะมี 2 ความหมาย คือ ต้นไม้เล็ก หรืออาจแปลได้ว่า โรงงานที่ใครรู้จักเหมือนกับว่า factory นั่นเอง ส่วนคำว่า plant ในคำกิริยานั้นแปลว่าปลูก เช่น plant the tree. ปลูกต้นไม้ ต่อมาเป็นคำว่า ride (V) ขี่จักรยาน แต่ ride ที่เป็นคำนามาจะหมายถึงเครื่องเล่น/การขับขี่ยานพาหนะ อาจจะช้ำถามเพื่อเป็นสำนวนได้ เช่น Do you need a ride? คุณต้องการให้ผมขับรถไปส่งไหม หรือ I’ll give you a ride. ผมจะขับรถไปส่งคุณ ต่อมาคำว่า share ที่เราพบเห็นกันใน Facebook กันบ่อยมาก ถ้าเป็นคำกิริยาจะหมายถึง แบ่ง แต่ถ้าเป็นคำนามคือส่วนแบ่งหรือหุ้น เช่น I’m going to buy some shares today. วันนี้ผมจะซื้อหุ้น นั่นเอง

            Trip ที่คนรู้จักเป็นส่วนใหญ่จะเป็นคำนาม ซี่งแปลว่า คณะเดินทาง เช่น How was gover trip? การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง , I had a good trip. ผมเที่ยวสนุกมากเลย แต่ถ้า trip เป็นคำกิริยาหมายถึง สะดุด เช่น I tripped in the toilet.  ผมสะดุดล้มในห้องน้ำ คำต่อมา slip คำนามหมายถึง การะดาษชิ้นเล็ก ๆ ส่วน slip ที่เป็นคำกิริยาแปลว่า ลื่น duck เรารู้จักในคำนามคือเป็ด และ duck ก็สามารถเป็นคำกิริยาได้ด้วย จะมีความหมายว่า ....และนอกจากนี้ยังมีคำว่า chicken ที่เรารู้จักกันดีในคำนามแปลว่า ไก่ แต่นอกจากหมายความว่าไก่แล้ว ยังสามารถแปลได้ว่าขี้ขลาดได้ด้วยเช่น You are chicken! คุณเป็นคนขี้ขลาด ถ้านำคำว่า chicken + out = กลัว  เช่น  I chicken out. ผมกลัว ต่อมาคำว่า fly คำกิริยาแปลว่า บิน ส่วนคำนามแปลว่า แมลงวัน เช่น There is a fly in my noodle. มีแมลงวันอยู่ในก๋วยเตี๋ยวของฉัน.

            Seal ในคำกิริยา แปลว่า ผนึก ส่วนในคำนาม Seal  ก็สามารถแปลว่า แมวน้ำ ได้เช่นสัตว์ตัวต่อมา คือ  hawk  = เหยี่ยวซึ่งเป็นคำนาม แต่ถ้า hawk เป็นคำกิริยาจะหมายถึง พวกเร่ขายของ เราอาจพบเห็นบ่อย ๆ บริเวณรถไฟฟ้า เช่น No hawking ห้ามหาบเร่ขายของ ต่อมาคือ bear ซึ่งแปลว่า หมี นั้นเอง ส่วน bear ที่เป็นคำกิริยา หมายความว่า อดทน เช่น Please bear with me for a few minutes. ช่วยอดทนกับผมสัก 2 – 3 นาที เถอะครับ ประโยคดังกล่าวอาจใช้ได้ในเหตุการณ์ที่มีการอภิปรายได้ หรืออีกประโยคตัวอย่าง We have to bear with the traffic. เราต้องอดทนกับการจราจร

            คำศัพท์ต่อมาที่ส่วนใหญ่เป็นองค์ประกอบภายในร่างกาย คือ  head ที่แปลว่าหัว หรือผู้นำ ส่วน head ในคำกิริยาจะหมายถึง โหม่ง , มุ่งหน้า , นำ เช่น I’m heading to the airport. ผมกำลังมุ่งหน้าไปสนามบิน หรือ I will head this team. ผมจะนำทีมนี้ไป ต่อมาคือ hand ซึ่งแปลว่า มือ แต่ถ้า  hand  เป็นคำกิริยาหมายถึง  ยื่นหรือส่งให้  เช่น Can you hand me the salt, please. ช่วยส่งเกลือมาหน่อยได้ไหมครับ   นอกจากนี้นำคำว่า hand ตามด้วย in = hand in = ไปยื่น เช่น Hand in your form at counter number 8   ไปยื่นเอกสารของคุณที่เคาน์เตอร์ 8 และ hand  ตามด้วย out = hand out = แจก เช่น Hand out the flyers. แจกใบปลิวนั่นเอง

หลังจากที่ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ จากการดูไปแล้วดิฉันได้มาศึกษาค้นคว้าอีกอย่างหนึ่งคือเรียนรู้คำศัพท์จากข่าว โดยการเข้า Facebook : Langhub.com เรียนภาษาอังกฤษ ในเพจนี้จะแทรกเนื้อหาความรู้เป็นลิงค์เพื่อให้เราสะดวกในการเรียนรู้มากขึ้น ข่าวที่ดิฉันได้อ่านเป็นข่าวที่เกี่ยวกับประกาศของเราคือ Bangkok named World’s Beat City.  ซึ่งมีบทความว่า Bangkok has one again been named the “World’s Best City”  by Travel & Leisure magazine: The Thai capital received the hanar in each of  the lay four years. The title of world’s best city was city was determined by question naines the magazine sent to its readers When the responses were compiled, Bangkok topped the list with a secre of 90.42% , followed by Istanbul ,Turkey at 89.9% and Florence, Haly at The magazine said each city was rated according to six criteria : sings oxlturd/arts , nest vagrants food , people , shopping and value , The magazine will  Formally  present the award to the Bangkok bovemor on July 18 in a ceremony in New York city.

ซึ่งจากข้อความข่าวดังกล่าว ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ  เช่น determinedแปลว่า ตัดสิน, ตัดสินใจ จากประโยค The title of world’s best was determined by questionaries’ the magazine sent to its readers. ซึ่งแปลว่า ตำแหน่งสุดยอด เมืองท่องเที่ยวของโลกได้รับการตัดสินจากแบบสอบถามที่นิตยสารจัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านร่วมตอบ คำศัพท์ต่อมาคือ compiled  แปลว่า รวบรวมประโยค When the responses were compiled, Bangkok topped the list with a score of 90.42%  , followed by Istanbul , Turkey at 89.9% and Italy at 89.8 % ซี่งประโยคนี้หมายความว่า หลังจากที่ได้มี การรวบรวมคำตอบแล้ว กรุงเทพได้รับอันดับหนึ่ง โดยได้รับคะแนน 90.42 % ตามมาด้วยกรุงวิสตันบูล ตุรกี 89.9% และฟลอเรนส์อิตาลี ด้วยคะแนน 89.8%

คำศัพท์ได้เรียนรู้อีกคือ criteris แปลว่า เกณฑ์ในการคัดเลือก / พิจารณา และ sights แปลว่า สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมาจากประโยค The magazine said each city and rated seconding to sex criteria; sight , culture/arts, restaurants/food , people, shopping, and value.ซึ่งทั้งประโยคนี้หมายความว่า นิตยสารเปิดเผยว่าแต่ละเมืองได้รับการจัดลำดับ ตามกฎเกณฑ์ในการพิจารณา 6 ข้อคือ สถานที่ท่องเที่ยว ,ศิลปวัฒนธรรม , ร้านอาหาร, อาหาร,ช้อปปิ้ง , และค่าครองชีพ และอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ได้เรียนรู้คือ ceremony แปลว่า พิธีมาจากประโยคที่ว่า The magazine will formally, present the award to the Bangkok govemor on July  in a ceremony in New York   city. ซึ่งแปลได้ว่า นิตยสารจะมอบรางวัลอย่างเป็นทางการให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 กรกฏาคม ในพิธีที่ จ.จ. ขึ้นในนครนิวยอร์ก

จากการเรียนรู้นอกห้องเรียน ดิฉันได้ศึกษาค้นคว้าความรู้ต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ตัวเองพัฒนาได้ในทักษะภาษาอังกฤษได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข่าว การฟังความรู้จากวิดีโอการสอนของผู้เชี่ยวชาญ เช่น คำศัพท์ที่มี ความหมายใน 1 คำ ซึ่งเป็นความรู้ที่เราสามารถนำไปใช้ได้ในการเขียนหรือการพูดภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นผลดีถ้าเราเข้าใจเพราะเราสามารถนำมาพูดบอกหรือสนทนากับชาวต่างชาติได้ถูกต้องและเข้าใจ และดิฉันคิดว่าการเรียนรู้นอกห้องเรียนนั้นสามารถทำให้เราเพลิดเพลินในการเรียนรู้ เพราะสิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้นั้นมันเกิดจากความอยากรู้อยากเข้าใจของเรา จึงทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างน่าสนใจ

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น