วันที่
29 ตุลาคม 2558 เป็นช่วงบ่ายของการอบรมเชิงปฏิบัติการ”เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ ” ซึ่งผู้ที่มาให้ความรู้คือ ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร
ได้พูดถึงภาษาเพื่อสื่อสารแบบกิจกรรม
แน่นอนว่าภาษาเพื่อการสื่อสารในปัจจุบันของประเทศไทยนั้นมีการเปลี่ยนปลงไปมาก
ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง
ส่วนใหญ่การเปลี่ยนแปลงของภาษาก็มาจากโลกอินเตอร์เน็ตและวัยรุ่นในปัจจุบันก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของภาษาไปมาก
ส่วนในเรื่องของกิจกรรมก็มีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนเพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่เราเรียกกันว่า
คำทับศัพท์ ซึ่งเป็นคำที่ไม่ได้ใช้ในภาษาอังกฤษ แต่เป็นการนำภาษาอังกฤษบางคำมาพูดแบบสั้นหรือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นมาใช้จนทำให้มีการพูดกันอย่างติดปาก
เข่นคำว่า chill chill ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ใช้คำนี้บ่อย
อย่างเช่นเราจะพูดว่า วันนี้ขอทำตัวชิว ชิว แต่จริงๆแล้วคำว่า chill chill ไม่มี แต่ถ้า chill ตัวเดียวจะหมายถึง ความหนาว ,
ความเหยือกเย็น ตัวอย่างประโยคเช่น There is a chill in the
air this morning. คำต่อมาทีเจอบ่อยๆคือ Over –
She is over. คำนี้จะใช้ในความหมาย over the top เช่น เธอคนนั้นดูโอเวอร์จังเลย over ในภาษาอังกฤษหมายถึง
เหนือกว่า คำต่อมาคือ jam เช่นเรามักพูดกันว่า
ฉันขอแจมด้วยคนนะ ความหมายประมานว่าขอเข้าร่วมด้วย แต่คำว่า jam นั้นจะหมายถึง ติดขัด และคำต่อมาที่พบบ่อยคือ noy คำๆนี้ดิฉันมักใช้เมื่อรู้สึกน้อยใจ
แต่จริงๆแล้วคำว่า noy ไม่มีในภาษาอังกฤษเลย
คำบางคำหรือประโยคบางประโยคในภาษาอังกฤษ
ถ้าหากเรานำมาใช้ในความหมายที่ตรงตัวเกินไปอาจทำให้ไม่ถูกต้องตามที่เราสื่อได้
เช่น Wash the film ล้างรูป
นี่เป็นวลีที่เจอที่ร้านถ่ายรูป-ล้างรูป ดิฉันได้รู้ถึงการใช้ Adjective บางตัวที่บางทีเรานำมาใช้แบบมั่วๆ
ก็อาจทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิดได้ เช่นคำว่า Hot ที่แปลว่าร้อน
ถ้าหากนำคำนี้มาใช้ในประโยคที่ว่า Are you hot? และคำว่า yummy
ที่แปลว่า อร่อย มาใช้ในประโยค Are you yummy? ก็อาจทำให้ได้ความหมายที่ไม่ตรงกับความหมายที่เราต้องการจะถามก็ได้และคำ Adjective
ส่วนใหญ่ที่ดิฉันเข้าใจผิดมาตลอดคือ fat และ thin
ซึ่ง fat แปลว่าอ้วน และ thin แปลว่าผอม เป็นคำศัพท์ที่เราเรียนมากันตั้งแต่เด็กๆแต่ท่านผู้บรรยายบอกว่า
fat ก็แปลว่าอ้วนนั้นแหละแต่อ้วนในที่นี่หมายถึงอ้วนมากๆถึงมากที่สุด
ส่วนคำว่า thin ก็จะมีความหมายว่า ผอม
แต่ผอมในที่นี่คือผอมมากๆถึงมากที่สุด
นอกจากนี้ดิฉันยังได้เรียนรู้คำที่เราชอบพูดกันติดปาก
แล้วเป็นชื่อยี่ห้อต่างๆหรือชื่อแบรนด์ต่างๆเช่น Xerox
ส่วนใหญ่เราใช้คำนี้เมื่อต้องการถ่ายเอกสาร
แต่คำพูดที่ถุงต้องจริงๆเราควรพูดว่า photocopy คำต่อมาที่ดิฉันเจอบ่อยเช่นกันคือ
Fab ดิฉันเองก็มักใช้เรียกผงซักฟอก แต่คำที่ถูกต้องจริงๆคือ detergent
คำต่อมาคือ pampers ที่เราใช้เรียกแทนผ้าอ้อมเด็ก
แต่คำที่ถูกต้องจริงคือ diaper (ในสหรัฐอเมริกา) ,
nappy และ baby (ในภาษาอังกฤษ)
และคำยอดฮิตของคนไหนคือ mama คนไทยเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่าม่าม่า
คำที่ถูกต้องคือ instant noodles ตัวอย่างประโยคเช่น I
want to eat mama. ฉันอยากกินม่าม่า (ในภาษาที่เราต้องการสื่อสาร)
แต่ที่ชาวต่างชาติแปลคือ ฉันอยากกินแม่ เพราะฉะนั้นอาจทำให้เขาเข้าใจผิดได้
นอกจากนี้
sentence หรือ phrase บางตัวที่เราไม่สามารถแปลได้ตรงตัวได้เพราะจะทำให้ได้ใจความที่มักจะไม่สมบูรณ์หรือทำให้มีความหมายผิดเพี้ยนไปได้
เช่น It is daylight robbery. ถ้าแปลตรงตัวจะได้ว่า
นี่คือการปล้นตอนกลางวัน และถ้าเป็นคำแปลที่แปลจากภาพยนตร์จะได้ว่า แพงสุดๆเลย
ประโยคต่อมาคือ Just hold your horse. ถ้าแปลตรงตัวจะได้ว่า
จับม้าดีๆ แต่ถ้าแปลมาจากภาพยนตร์จะได้ว่า ใจเย็นๆนะ สำนวนในภาษาอังกฤษก็เช่นกัน
หากเราแปลไปตรงตัวเราจะได้ความหมายที่ไม่สมบูรณ์
และในการแปลบางสำนวนเราอาจต้องใช้การเปรียบเทียบหรือการเปรียบเปรยเข้ามาใช่ในการแปล
ตัวอย่างเช่น Let’s call it a day , and meet up again tomorrow.ถ้าแปลตรงตัวจะได้ว่า เราเรียกมันว่าวันเถอะ แล้วพบกันพรุ่งนี้
ดิฉันรู้สึกเห็นด้วยว่าถ้าเราแปลตรงตัวไปเลยเราจะได้ความหมายที่รู้สึกว่าทำให้งง
ซึ่งจากสำนวนที่กล่าวมานั้นคำแปลที่ถูกต้องคือ วันนี้พอแค่นี้ก่อน
แล้วพรุ่งนี้พบกันใหม่
สำนวนภาษาอังกฤษต่อมาคือ Would you please mine your own bee’s
wax? ถ้าเราแปลตรงตัวจะได้ว่า คุณช่วยดูแลขี้ผึ้งของคุณเองเถิด
แต่ถ้าเราแปลตามสำนวนภาษาอังกฤษจะได้ว่า ช่วยดูแลเรื่องของคุณเองนะ
และสำนวนที่ดิฉันเจอบ่อยคือ It is raining cats and dogs. ถ้าเราแปลตรงตัวจะได้ว่าแมวและสุนัขฝนมันกำลังตกนะ
ซึ่งความหมายของสำนวนนี้ที่ถูกต้องคือ ฝนตกหนัก (It’s raining heavily.) ดิฉันเคยเจอสำนวนนี้ตามเพจใน Faecbook อยู่บ่อยๆด้วยและอีกหนึ่งสำนวนคือ
Watch your mouth ถ้าให้ดิฉันแปลตรงตัวจะได้ว่า ดูปากของคุณ
แต่ความหมายที่ถูกต้องคือ ระวังคำพูด , ระวังปาก
มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue นั่นเอง
ภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
ซึ่งมีปัจจัยอยู้หลายด้านคือส่วนใหญ่ก็เกิดคำใหม่ๆมาจากโลกโซเซียว
กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่มักนำภาษามาดัดแปลงอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มีการใช้คำที่สะดวกมากขึ้น
แต่ก็ทำให้ภาษาอังกฤษแย่ลงทุกวัน เช่น การสร้างตัวอักษรย่อขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
เช่น TC : Tack Care ดูแลตัวเองนะ , LUV : love รัก , OMG :
oh my god โอ้พระเจ้า , G9 : good night , GL : good luck โชคดี , PLZ : please ได้โปรด
และคำๆนี้ที่ดิฉันจะเจอบ่อยมากๆและดิฉันก็ใช่มันด้วยคำว่า THX U : thank
you ขอบคุณ
นอกจากมีตัวย่อแล้วยังมีการสร้างสัญลักษณ์ขึ้นมาใหม่ที่เรียกว่า Emoticons เช่น T_T ร้องไห้ , ^^ ยิ้มเฉยๆ
, (_ _) ก้มหน้า และ >///< เขินโคตรๆ แบบมุดหน้า และยังมีการสร้างคำเพื่อแทนเสียงหรือเลียนเสียง (
Onomatopoeic ) เช่น เสียงสงสัย huh? มีอีกสองคำที่เจอบ่อยคือ
Oops เสียงที่ตกใจว่าทำอะไรผิด และ Hahahaha เสียงหัวเราะ
นอกจากได้เรียนรู้ความรู้ที่เป็นทักษะสาระไปแล้วนั้น
ยังได้ทำกิจกรรมการหาคำศัพท์อีกด้วยซึ่งจะมีตารางตัวอักษรมาให้หาต้องหาให้เจอมากที่สุดแล้วจะได้รับรางวัล ซึ่งการเล่นเกมนี้ดิฉันคิดว่าได้รับทักษะต่างๆมากมายคือ
ได้ทักษะการสังเกตคำศัพท์ การมีสมาธิ ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ
ได้ฝึกไหวพริบและยังได้ฝึกทักษะการคิกอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมแบบนี้เราสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้เพื่อให้ผู้เรียนสามารถร่วมสนุกไปกับกิจกรรมควบคู่ไปกับการเรียนได้อีกด้วย
จากการเข้าร่วมอบรมดิฉันคิดว่ามีความรู้ต่างๆมากมายที่ดิฉันสามารถนำไปใช้และนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรียนการสอนได้
ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ที่ควรใช้ให้ถูกต้องเพื่อคุยกับเจ้าของภาษาได้ง่ายขึ้น
ต่อมาคือประโยคต่างๆทำให้ดิฉันได้รู้ว่าประโยคแต่ละประโยคเราไม่สามารถแปลตรงตัวได้ในทุกประโยคเสมอไป
เพราะจะทำให้ได้ความหมายที่ไม่สมบูรณ์
ต่อมาคือได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่ทำให้ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไปและได้ทักษะการนำกิจกรรมและเกมมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนของดิฉันในอนาคตเพื่อให้มีสิ่งแปลกใหม่ในการเรียนมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น