วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning log 11 (สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน)


Learning log 11 นอกห้องเรียน

การเรียนรู้นอกห้องเรียนอาจเกิดขึ้นได้จากการสังเกต การคุ้นเคย สิ่งของต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นตัวย่อในภาษาอังกฤษ มีคำย่อมากมายที่เราเจอบ่อย ๆ เช่น ตัวย่อต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์ องค์กรต่าง ๆ นี้อาจเป็นส่วนหนึ่ง การเรียนรู้นอกห้องเรียนอาจเกิดขึ้นได้จากการดูรายการทีวี การฟังเพลง การฟังข่าว การอ่านสาระความรู้ต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่แตกต่างจากการเรียนรู้ในห้องเรียน และสามาระทำให้เราพัฒนาทักษะต่าง ๆ ด้านภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้สามารถนำความรู้ต่างๆ  เหล่านี้ไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

ดิฉันมักจะเจอกับคำเชื่อมบางตัวและบางครั้งก็จำไม่ได้มันหมายความว่าอะไร ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ดิฉันเจอบ่อยในแบบฝึกหัดหรือในข้อสอบ ดิฉันจึงต้องหาความรู้เพื่อทบทวนอีกครั้ง ซึ่งคำเชื่อมที่ดิฉันอยากบอกต่อไปนี้คือ nether…nor , either…or, both…and และอีกหนึ่งคำเชื่อมคือ not only…but also ซึ่งแต่ละคำเชื่อมดังกล่าวจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไป คำเชื่อมตัวแรก คือ nether…nor แปลว่า ไม่ทั้งสองอย่าง  ตัวอย่างเช่น Neither she nor I am sick. มีหลักการใช้คือ ไม่ทั้งสอง+ noun เอกพจน์ + verb  เอกพจน์  หรืออาจจะเป็น neither  หรือ norวางไว้หน้าประโยค ใช้กับรูป verb บอกเล่า แต่ทั้งนี้ความหมายของประโยคก็จะเป็นประโยคปฏิเสธ เช่น He doesn’t like cots  neither do I / Nor do I  นอกจากนี้ Neither ยังสามารถอยู่แบบโดด ๆ ได้ ก็จะแปลว่า ไม่ทั้งสองเช่นเดียวกัน ตัวอย่างประโยคเช่น Neither of my parents likes my boyfriend. ทั้งพ่อและแม่ไม่ชอบแฟนของฉันเลย

คำต่อมาคือ either…or แปลว่า ไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นเอง ตัวอย่างประโยคเช่น Someone is coming, either John of Dang. มีใครสักคนกำลังเข้ามาก ไม่จอห์นก็แดงนี่แหละ  และ either ก็สามารถอยู่เดี่ยว ๆ โดด ๆ ได้ก็จะแปลว่า  ด้วยกัน ซึ่งจะมีความหมายเดียวกับ also และ too ตัวอย่างประโยค เช่น I don’t eat meat and my husband doesn’t either. ฉันไม่กินเนื้อและสามีของฉันก็ด้วย ซึ่งนอกจากนี้ เมื่อ either ใช้เป็น Adverb กับประโยคปฏิเสธดูจะมีความหมายว่า เช่นกัน  โดยที่  either  ใช้กับ verb ปฏิเสธ วางไว้ท้ายประโยค ตัวอย่างเช่น He doesn’t like cots  I don’t like cats either / I don’t either คือฉันไม่ชอบเช่นกันต่อมาสิ่งนี้ก็เจอบ่อย คือ bath…and แปลว่า ทั้งสอง จะใช้เชื่อมประธานประโยคเข้าด้วยกัน ตัวอย่างประโยคเช่น Both Jim and Penut are good at in English. ซึ่งจิมและพี่นืเก่งภาษาอังกฤษกันทั้งสองคน หรือ I would you like milk or sugar  or both in your coffee ? คุณจะรับนมหรือน้ำตาลหรือทั้งสองอย่างในกาแฟครับ และตัวสุดท้ายคือ  not only…but also เหมือนภาษาไทยว่า “ไม่เพียงแต่ ...แต่ก็....ด้วย”  เช่น The Breakdown is not only fun, also very informative. รายการเดอะเบรทดาวน์ไม่ได้สนุกอย่างเดียวแต่ก็ให้สาระด้วย

จากการที่ดิฉันได้อ่านหนังสือเรื่องสั้นจากเรื่อง The elephant man นั้นเจอคำศัพท์ใหม่ ๆ มากมาย และบางคำเจออยู่บ่อยมาก มันอยู่แทบทุกหน้า คือ Then ซึ่งจากการได้ค้นเกี่ยวกับ Then สรุปได้ว่า Then จะแปลว่า แล้วก็ , หลังจากนั้น ,จากนั้น , ครั้น นั่นเอง เช่นประโยคที่ดิฉันได้เจอจากหนังสือเล่มนั้นอยู่ในหน้าที่  19 บรรทัดที่ 1 มีความว่า He looked at the picture for a minute, and them it by a flower on the table. เขาชอบไปที่รูปภาพนั้นเป็นเวลาหนึ่งนาทีและจากนั้นก็วางมันไปยังดอกไม้บนโต๊ะ หรือเราจะใช้ then ในความหมายว่า เมื่อตอนนั้น  เช่น The price of food was much a heaper then.  ราคาอาหารเมื่อตอนนั้นถูกว่านี้เยอะ หรืออาจจะใช้ then  ในความหมายที่ว่า ถ้า....ก็....เช่น If you’re sick then you should nest. ถ้าคุณป่วยคุณก็ควรจะพักผ่อน หรือาจใช้เป็นสำนวนการพูด เช่น don’t go then ถ้างั้นไม่ต้องไปสิ

นอกจากนี้มีคำว่า Perhaps ซึ่งแปลว่า บางที อาจมีความหมายเดียวกับ May be  ซึ่งประโยคในหนังสือเรื่องสั้นที่ดิฉันเจอ คือ Perhaps I had a Christmas with my mother once, but I do not  บางที่ครั้งนี้ฉันอาจจะเคยมีคริสต์มาสกับแม่ของฉัน แต่ฉันจำไม่ได้ ซึ่ง Perhaps กับ Maybe  มีความหมายแตกต่างกันตรงที่ Perhaps จะใช้เป็นทางการมากกว่า Maybe ทั้งนี้ดิฉันได้รับประโยชน์จากการอ่านหนังสือเล่มนี้มาก เพราะทำให้เราได้จินตนาการ ให้เราได้สร้างความรู้สึกต่าง ๆ จากตัวอย่างประโยคที่กล่าวด้านบน ดิฉันรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่นานแล้วไม่เจอแม่และไม่สามารถจำเรื่องราวต่าง ๆ มาได้ หรือจากการที่หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายถึงรูปร่างลักษณะของตัวละคร ถึงแม้จะไม่มีภาพ แต่เราก็สามารถจินตนาการถึงภาพ ๆ นั้น ที่หนังสือได้บรรยายมาได้

นอกจากนี้ดิฉันได้พัฒนาทักษะของตนเองในด้านการอ่านไปเบื้องต้นแล้วดิฉันยังไม่ได้พัฒนาทักษะการฟังจากการดู You tube ซึ่งเป็นชื่อว่า English  Conversation Learn English Speaking English Subtitles ซึ่งดิฉันได้รับความรู้ต่าง ๆ มากมายจากการฟัง ได้ทั้งประโยค คำศัพท์ และหลักการใช้ภาษาอังกฤษต่าง ๆ เพราะรายการนี้มีทั้งการสนทนาเบื้องต้น และความรู้เบื้องต้น สอดแทรกเข้าไปในรายการได้ ทั้งนี้ได้ยินสำเนียงของชาวต่างชาติโดยตรงอีกด้วย

ความรู้ที่ได้จากการฟังคือ ได้รู้คำศัพท์ biscuit หมายความว่า ขนมปังกรอบมาจากประโยคในเรื่องคือ  Have a biscuit. Exhausted เหนื่อย มาจากประโยค My poor dear ! Your must be exhausted, และคำว่า My poor dear อ่านไม่ได้แปลว่า คนจนที่รักของฉัน แต่จริง ๆ แล้วจะแปลง่า ที่รักของฉันผู้น่าสงสารอะไรแบบนี้ และคำว่า Fabulous = เหลือเชื่อ จากการได้ดูก็ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินอีกด้วย

คำในภาษาอังกฤษมากมายที่ดิฉันใช่ผิดมาตลอดเช่นคำว่า Have no เมื่อก่อนดิฉันมักจะพูดติดปากอยู่บ้างบางครั้ง เมื่อก่อนดิฉันชอบพูดว่า No have ซึ่ง Have no มักจะใช้คำนำหน้าถ้าพูดก็จะพูด Have no...  เช่นจะบอกว่าฉันไม่มีเพื่อนสักคน No have friends หรือ Have no friends  นอกจากนี้ดิฉันได้ฟังและอ่านข่าวต่างประเทศ ซึ่งดิฉันได้ศึกษาหัวข้อข่าว การเดินทาง ทางอากาศที่สูงขึ้นทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหาย ซึ่งจากการเรียนได้รับความรู้ต่อไปนี้ Falling ticket prices and rislng incomes (ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลงกับรายได้ที่สูงขึ้น) emitted at high altitudes  ปล่อยไอเสียในชั้นบรรยากาศสูง , environmental research group (กลุ่มศึกษาวิจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม) ,overall target (เป้าหมายสุดท้าย) , dramatically (รวดเร็วอย่างประหลาด) , fuel (เชื้อเพลิง)

และดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับวลีภาษาอังกฤษที่แทนคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้ โดยความรู้ที่ได้รับคือ คำแรกที่สามารถแทนคำว่าไม่เป็นไรได้ คือ “You Got it” หมายถึง เธอได้แน่ , ได้แน่นอนตัวอย่างเช่น Can I please have a glass of water และตอบว่า You got ! คำต่อมาคือคำว่า “Don’t Mention it. หมายความว่า นิดหน่อยเองไม่ต้องพูดถึงก็ได้ค่ะ ตัวอย่างเช่นเขอบอกเราว่า Thank you for helping me with my homework. เราก็สามารถตอบได้ได้ว่า Don’t Mention it. คำต่อมาคือ No worries! ไม่เป็นไร  ไม่ต้องกังวล ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาพูดกับเราว่า Thank for taking me home. เราก็สามารถตอบได้ว่า No worries.

นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ประโยคภาษาอังกฤษที่ไว้บอกชาวต่างชาติว่า “เราฟังคุณไม่รู้เรื่อง" เพราะหลายครั้งที่เราคุยกับฝรั่งแล้วเราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าไม่เข้าใจ ไม่รู้จะนำประโยคไหนมาพูดดี ซึ่งเราสามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้คือ I’m afraid I don’t follow. เราเกรงว่า เราจะตามคุณไม่ทัน , Sorry, I con’t follow what you’re saying to me. ฉันตัองขอโทษด้วยที่ตามสิ่งที่พูดไม่ทัน , Unfortunately. I con’t clearly make sense of what you’re tellor me แย่จังเลย...เราไม่เคลียร์กับสิ่งที่คุณกำลังบอกเราเลย I’m a bit confused do you mind explaining it again? เราเอง งง นิด ๆ คุณจะว่าอะไรไหมถ้าจะอธิบายให้ฟังอีกรอบ เป็นต้น และยังมีประโยคอื่น ๆ อีกมากมาย

รายการโทรทัศน์ก็เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่สามารถทำให้ดิฉันพัฒนาในด้านกาษาอังกฤษ เช่น รายการภาษาอังกฤษติดล้อ ซึ่งเป็นรายการที่มอบทั้งความรู้ คำศัพท์ ประโยค และสำเนียงที่ถูกต้องของผู้ดำเนินรายการ และดิฉันได้ศึกษาหรือพัฒนาภาษาอังกฤษให้ตอบ เกี่ยวกับ A day of police station. ความรู้ที่ได้รับจากการชมดังต่อไปนี้ in case of ในกรณี , emergency เหตุฉุกเฉิน , เราจะรู้จักตำรวจในภาษาอังกฤษว่า Policeman  ซึ่งคำว่าตำรวจในอเมริกา คือ cop และคำว่าตำรวจในภาษาอังกฤษ bobby  ได้เช่นกัน ,คำต่อมาคือ make a report แจ้งเหตุการณ์, duty officer ร้อยเวร , robber โจร , stanch การกระชากกระเป๋า คำศัพท์ที่เกี่ยวกับการก่ออาชญากรรม ได้แก่ assault  การทำร้ายร่างกาย , burglary  โดนขโมยขึ้นบ้าน ,break in งัดแงะ , wrtnes พยานบุคคล , evidence  หลักฐาน, medical report ใบตรวจร่างกายจากแพทย์ , suspect ผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นมีหน้าที่เป็นคำนาม ส่วนถ้า suspect เป็นคำกิริยา น่าสงสัยหรือสงสัย

และเมื่อทำความผิดก็มักจะถูกทำโทษหรือลงโทษตามกฎหมาย detention กักขังหรืออาจจะใช้คำว่า imprison ได้เช่นเดียวกัน ,fine ปรับ (เป็นคำกิริยา) ,offender ผู้กระทำผิด , ใบสั่งคือ ticket ซึ่งก็สามารถแปลว่า ตั๋ว ได้เช่นกัน , exceed ทำเกินกว่าที่กำหนด , rockiness driving ขับรถโดยประมาท คำศัพท์ต่อไปจะเกี่ยวกับตำแหน่งต่าง ๆ ของตำรวจ ได้แก่ superintendent ผู้กำกับการ , inspection สารวัตร , squash leader ผู้บังคับหมู่ , administration and crime control inspector สารวัตรปกครองป้องกัน นอกจากดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ A day of police station แล้วก็ยังได้เรียนรู้ประโยคทั้งคำถามและบอกเล่า ได้แก่ Where is the nearest police station? สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดยู่ตรงไหน , Where can I file a report to the police ? สามารถแจ้งเหตุได้ที่ไหน , You should go to Wangthonglang police station คุณควรไปสถานีตำรวจวังทองหลาง , A thief snatched my handbag โจรกระชากกระเป๋า

Do you have withess? มีพยานบ้างไหม ประโยคดังกล่าวตำรวจใช้สอบถามเมื่อเราไปแจ้งความหรืออาจจะถามได้ว่า Is  there any evidence? มีหลักฐานอะไรบ้าง ,The speed limit is go kilometers  per hour. กำหนดความเร็วที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์หรือประโยคต่าง ๆ เหล่านี้เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในสถานการณ์จริงได้ หรือบางครั้งมันเป็นเหตุการณ์ที่เราต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติได้อย่างถูกต้อง หรือบางครั้งเราอาจนำคำศัพท์หรือประโยคบอกเล่านี้สามารถไปสื่อสารกับคนที่ยังไม่เข้าใจภาษาอังกฤษมากพอ

ในชีวิตประจำวันของเรา เราเจอตัวอักษรภาษาอังกฤษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาระหว่างการเดินทาง ป้ายบอกทาง ป้ายร้านต่าง ๆ และสิ่งของที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ตู้  ATM  IDcard ต่าง ๆ เรามักรู้จักในตัวอักษรย่อ แต่ไม่รู้ว่ามันมาจากอะไร ดังนั้นดิฉันจึงได้ศึกษาค้นคว้าโดยการฟังบรรยายความรู้จากคุณคริสโตเฟอร์ไรท์ จากเรื่อง Acronyms ตัวย่อภาษาอังกฤษน่ารู้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งได้ทั้งประโยคและคำศัพท์ใหม่มากมายจากการได้เรียน สถานที่เราจะต้องเจอตัวอักษรย่อบ่อย ซึ่งแต่ละตัวย่อมาจากคำว่า G=ground ชั้นบนดิน , B=basement ชั้นใต้ดิน , M=mezzanine ชั้นลอย , L= lobby ชั้นล็อบบี้ และ P=parking ชั้นจอดรถ นั้นเอง

เมื่อได้รู้ตัวย่อของลิฟต์ไปแล้ว ต่อมาคือตัวย่อ เกียร์รถ ที่ดิฉันเคยเห็นบ่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันเราพบว่าส่วนใหญ่จะขับเกียร์อัตโนมัติ ภาษาอังกฤษคือ automatic gears ซึ่งจะมีตัวย่อของเกียร์คือ P , R , N , D ตัวแรก P คือ park จอดรถ , Rคือ Reverse ถอยหลัง  , N คือ Neutral เป็นกลาง คือไม่เดินหน้าไม่ถอยหลัง ,และ D คือ Drive ขับ นอกจากนี้มีอยู่คำหนึ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเป็นตัวย่อ แต่จริง ๆ มันเป็นตัวย่อคือคำว่า Computer ซึ่งเราเรียกกันทั่ว ๆ ไปแต่จริง ๆ แล้วย่อมาจาก Common ทั่วไป , Operating ดำเนินการ , Machine เครื่องจักรกล , Particularly  เป็นพิเศษ , Used for ใช้ , Trade  การค้า , Education การศึกษา , และสุดท้ายคือ Research การค้นคว้า

ได้รู้จักตัวย่อของคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ก็มีคำย่อมากมายที่อยู่ในหมวดคอมพิวเตอร์มีคำมากมายที่เราพูดกันติดปากคือ Wi Fi ระบบแลนไร้สาย ซึ่งมาจาก Wi = Wireless แปลว่าไร้สายและ Fi =Fidelity  แปลว่า ความถูกต้อง ต่อมาคือคำว่า  USB = Universal Serial Bus และ ที่ได้ยินกันบ่อยมากคือคำว่า ICT มาจากคำว่า Information Communication Technology คำว่า PC เราก็พบบ่อยมาก  personal computer คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และคำศัพท์ตัวย่อที่เราพบบ่อยในชีวิตประจำวันของเราคือ ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน ฝากเงิน เช็คเงินต่าง  ๆ เราก็เรียกกันติดปากว่า ATM ซึ่งย่อมาจาก A= automatic อัตโนมัติ , T= teller พนักงานธนาคาร , M=machine เครื่อง

ต่อมาเป็นตัวย่อที่เราใช้ในการเดินทาง คือ GPS ซึ่ง GPS คือบอกทางหรือทิศทางเพื่อให้เราสะดวกในการเดินทาง ย่อมาจากคำว่า Global= ทั่วโลก , Positioning = การวางตำแหน่ง ,System =ระบบ คำต่อมาคือ SMS มาจากคำว่า Short Message Service บริการส่งข้อความแบบสั้น และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่เรามักใช้กับคอมพิวเตอร์คือ  DVD ซึ่งมาจากคำว่า Digital ดิจิทัล Video วิดีโอ Disc แผ่นดิสก์ และตัวย่อที่เราเจอบ่อยบนหน้าจอทีวีในปัจจุบันคือ HD = high definition ภาพความคมชัดละเอียดสูง และ SD =standard definition ภาพความคมชัดมาตรฐาน

ตัวย่อต่อมาคือตัวย่อเกี่ยวกับ E-mail = electronic mail ซึ่งในการรับ-ส่ง E-mail จะพบเห็นตัวย่อบ่อยและมากมายคือ FYT ย่อมาจาก For your information ซึ่งแปลว่าข้อมูล ที่ควรทราบ , DIY = Do You self ทำด้วยตัวเอง คำนี้ดิฉันมักจะพบเห็นบ่อยในหนังสือที่เป็นคู่มือการประดิษฐ์ หรือเป็นเพจการสอนทำของประดิษฐ์ใน Pack book , ต่อมาคำว่า TEAM ซึ่งตอนแรกดิฉันคิดว่าคำนี้ไม่ได้เป็นคำย่อ แต่แท้จริงแล้วมันย่อมาจาก Together รวมกัน , Everyone ทุกคน ,Achieves  ประสบความสำเร็จ More เพิ่มขึ้น ตัวย่อในหมวดต่อมาคือตัวย่อในที่ทำงาน  PR ซึ่งเป็นคำที่เราเจอกันบ่อยมาก  ซึ่งย่อมาจาก Public สาธารณะ Relations ความสัมพันธ์ (คนประชาสัมพันธ์)และคำที่ใช้กันบ่อย ๆ ได้ยินกันบ่อย พูดกันจนติดปากคือคำว่า VIP = Very Important Person  คือ คนที่สำคัญเป็นอย่างมาก , CEO หมายถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ย่อมาจากคำว่า Chief หัวหน้า Executive ผู้บริหารระดับสูง Officer เจ้าหน้าที่

                ดิฉันเคยเจอตัวย่อตัวหนึ่งในรายการทีวีซึ่งเป็นชื่อรายการว่า SME ตีแตก เคยได้ลองดูก็รู้ว่าเป็นรายการที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจแต่ก็สงสัยว่า SME มันย่อมาจากอะไร ซึ่งจากการค้นคว้า SME  ย่อมาจากคำว่า small = ขนาดย่อม , medium = ขนาดกลาง , enterprise = ธุรกิจ ซึ่งหมายความว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนั่งเอง  และตัวย่อที่เราเจอบ่อยในใบเสร็จต่าง ๆ หรือสินค้าต่าง ๆ คือ VAT ย่อมาจากคำว่า Value มูลค่า , Added ถูกเพิ่ม , Tax ภาษี (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) , CCTV ที่แปลว่ากล้องวงจรปิด ย่อมาจากคำว่า Closed circuit television อีกคำหนึ่งที่เราเจอบ่อยเวลาเราทำงานก็คือ OT = Overtime เวลาพิเศษที่นอกเหนือจากเวลางานปกติ

                ต่อมาเป็นตัวย่อที่เราเจอในการเรียนหรือการศึกษา  เช่น Ph.D. ย่อมาจากคำว่าDoctor of  Philosophy ปริญญาเอก , Toeic มาจากคำว่า Test of  English for  International Communication การสอบภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารระหว่างประเทศ , TOETL มาจากคำว่า  Test of English as a Foreign Language การสอบภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ ต่อเป็นตัวย่อในองค์กรต่าง ๆ ที่มักมีการใช้กัน เช่น CNN ซึ่งย่อมาจาก Cable  (ระบบโทรทัศน์ที่ส่งสัญญาณ ผ่านเคเบิ้ล) , News (ข่าว ) , Network (เครือข่าย) , BBC ซึ่งดิฉันรู้จักคำนี้ เพราะเป็นช่องทางการเรียนข่าวภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังไม่ทราบว่า  BBC  ย่อมาจากอะไร ซึ่ง  BBC นั้นย่อมาจาก British (100อังกฤษ) Broadcasting (การแพร่ภาพ) Corporation (บริษัท)  ชื่อประเทศก็เป็นตัวย่อเช่น USA = United  States A of America (สหรัฐอเมริกา) หรือ UK = United Kingdom (สหราชอาณาจักร)

                ต่อมาเป็นเรื่ององค์กรต่าง ๆ UN=United Nations (องค์การสหประชาชาติ) , SEAL  SEA ทางทะเล , Air  ทางอากาศ , Land ทางบก (หน่วยการรบพิเศษ) และคำย่อที่ในปัจจุบันนี้คนไทยได้ยินบ่อยคือ ASEAN ย่อมาจาก Association of Southeast Asian Nations (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) , AEC มาจาก ASEAN Community Economic (ประชาคมเศรษฐกิจพอเพียง อีกสองคำย่อที่เราพบบ่อยคือ R.I.P. ซึ่งคำนี้พบบ่อยมาก มาจากคำว่า Rest In Peace (พักผ่อนในความสงบ) และสุดท้ายคือ  ICU คำย่อที่เราพบเห็นบ่อยที่โรงพยาบาล มาจากคำว่า Intensive Care Unit นั่นเอง

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น