มนุษย์ช้าง ( The elephant man )
หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
ในโลกนี้มีความแตกต่างมาก คนยากจนอาศัยอยู่ในบ้านที่มีแต่ความหนาวเหน็บและความมืด ไม่เคยไปหาหมอเมื่อพวกเขาไม่สบาย
และถ้าคุณเป็นคนจนและแสนจะน่าเกลียดมากๆ
เรื่องเล่านี้เกี่ยวกับผู้ชานคนหนึ่งที่จนและน่าเกลียด
ไม่มีใครรักมีแต่คนที่คอยหัวเราะเยาะ
ผู้ชายคนนั้นถูกจับไว้ในกรงเหมือนสัตว์ในสวนสัตว์
ต่อมาวันหนึ่งมีหมอคนหนึ่งได้เจอเขาและคิดว่า “ผู้ชายคนนั้นดูน่าสนใจ
ฉันต้องการเรียนรู้เขา” และในไม่ช้า มนุษย์ช้างก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง
ทุกคนต้องการเจอเขา แม้แต่ราชินีก็ต้องการพบเจอเขา
แต่อะไรกันนะที่มนุษย์ช้างคนนี้ชอบ
แล้วเขาคิดและรู้สึกเหมือนคนอื่นๆหรือเปล่า
เขาเป็นคนที่ดูเศร้าหรือดูฉุนเฉียว เขาสามารถยิ้ม
หัวเราะและสามารถลืมความน่ากลัวของเขาตลอดไปได้หรือไม่
บทที่ 1 สัตว์ประหลาดในร้านค้า
ผมชื่อดอกเตอร์เฟรดเดอริ
ผมเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลลอนดอน วันหนึ่งในปี 1884
ผมเห็นรูปๆหนึ่งที่หน้าต่างของร้านใกล้ๆกับโรงพยาบาล ผมหยุดอยู่หน้าร้านและมองไปที่รูปนั้น
ตอนแรกผมก็รู้สึกสนใจ ต่อมาผมก็รู้สึกเกลียดและกลัว มันเป็นรูปที่น่าเกลียดน่ากลัว
ซี่งผู้ชายที่อยู่ในรูปนั้นเขาดูไม่เหมือนว่าเป็นมนุษย์ เขาดูไม่เหมือนกับผม
แต่เขาดูเหมือนช้างตัวหนึ่ง
ผมได้อ่านข้อความที่เขียนไว้ใต้รูปนั้นว่า
“เข้ามาดูมนุษย์ช้าง
2 เพนนี”
ผมเปิดประตูเข้าไป
ซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในร้าน
เป็นผู้ชายที่สวมชุดสกปรกมีบุหรี่อยู่ในปาก “คุณต้องการอะไร”
เขาถาม
“ผมต้องการพบมนุษย์ช้าง” ผมพูด
ผู้ชายคนนั้นมองผมด้วยความโกรธ
“คุฯไม่สามารถเข้าพบได้” เขาพูดพร้อมกับปิดประตูร้าน
คุณสามารถในวันพรุ่งนี้ได้
“ผมขอโทษจริงๆ
แต่ผมต้องการเจอเขาตอนนี้ พรุ่งนี้ผมไม่มีเวลา ผมมีงานต้องทำอีกเยอะเลย
แต่ผมสามารถให้คุณ 12 เพนนี”
ผู้ชายคนนั้นมองมาที่ผมอย่างละเอียด
จากนั้นเขาเอาบุหรี่ออกจากปากของเขาพร้อมกับยิ้มด้วยฟันที่มีสีเหลืองอ๋อย
“ตกลงครับ” เขาพูด “งั้นเอาเงินมา 12
เพนนี”
ผมให้เงินเขาจากนั้นเขาก็เปิดประตูหลังร้าน
พวกเราเข้าไปในห้องเล็กๆ เป็นห้องที่เย็น มืด และมีกลิ่นที่เหม็นมาก
มีสัตว์ประหลาดอยู่ตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆโต๊ะ
ที่ผมบอกว่าสัตว์ประหลาดก็เพราะว่า มันดูไม่เหมือนผู้หญิงหรือผู้ชาย
ไม่เหมือนคุณไม่เหมือนผม มันไม่ขยับตัวเคลื่อนไหวหรือมองพวกเราเลย
มันนั่งอย่างเงียบๆในห้องมืดที่ทั้งหนาวและสกปรก มันมีผ้าคลุมที่ศีรษะเพราะมันหนาว
บทโต๊ะที่อยู่ข้างหน้ามันมีดอกไม้เหยี่ยวเฉาอยู่
“ยืนขึ้น”
เจ้าของร้านพูดอย่างเสียงดัง
มันลุกขึ้นอย่างช้าๆมันเอาเสื้อเก่าๆของมันที่ปิดศีรษะออกและวางลงบนเก้าอี้
ผมมองไปที่มัน
มันดูเศร้าๆ ผมเป็นหมอดังนั้นผมจึงรี้เกี่ยวกับอาการป่วยของคน
ผมเห็นความน่าเกลียดน่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา มันไม่ใช่อาการป่วยที่ผมเคยเจอกับคนอื่นมาก่อนเลย
เขาสวนกางเกงเก่าๆ
แต่ไม่ใส่เสื้อกับร้องเท้า ดังนั้นผมสามารถเห็นร่างกายของเขาได้เกือบทุกส่วน
ศีรษะของเขาเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
มันใหญ่มากราวกับประเป๋าใบใหญ่ที่มีหนังสืออยู่จำนวนมาก
ศีรษะของเขามีผมอยู่น้อยมากและยังบวมมากอีกด้วย
ผิวที่หลังของมันก็สกปรกและย้อยลงมาถึงคอ ผมไม่สามารถเห็นตาอีกข้างหนึ่งของเขาได้เพราะผิวหนังบังอยู่
ฟันสีแดงขนาดใหญ่ทูนออกมาจากปากและใต้จมูกของเขา
มันดูเหมือนเป็นฟันของช้างทั้งปากและจมูกเหมือนเป็นรู เขาไม่สามรถยิ้ม
หัวเราะหรือแสดงอาการอื่นๆได้
เพราะผิวของมันใหญ่มากและผิวหนังของมันขยับไม่ได้เหมือนตายแล้ว
ซึ่งทั้งหมดนี้เหมือนใบหน้าของช้าง
ผิวหนังของเขาบวมทั้งหน้าและหลังบวมไปจนถึงขา
แขนขวาของมันใหญ่มากและผิวหนังก็ยังบวมอีกด้วย มือขวาของมันเหมือนเท้าผู้ชาย
แต่แขนซ้ายและมือซ้ายของมันยังดี
แขนซ้ายเป็นผิวที่มีความสวยงามและมีนิ้วที่เรียวยาว งดงามเหมือนมือของผู้หญิง
“มานี่
เมอริค” เจ้าของร้านพูดด้วยความโกรธ “เร็วเข้ารีบมา”
เขาตีไปที่มือของมัน
มันเดินมาอย่างช้าๆ
เพราะเขาไม่สามารถเดินมาได้อย่างสะดวก ขาของมันใหญ่และอ้วนมาก
เขาจึงมีไม้เท้าเพื่อช่วยในการเดิน
“โอเคครับ
ขอบคุณมาก” ผมพูด “ให้เขานั่งเถอะครับ”
ผมไม่ต้องการเห็นเขาไปมากกว่านี้ ผมรู้สึกไม่สบายใจและไม่ทนกับกลิ่นในห้องที่เหม็นมากๆ
“ได้ครับ”
เจ้าของร้านพูด “เมอริคนั่งลง”
พวกเราเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตู
เจ้าของร้านก็ยิ้มพร้อมกับฟันสีเหลืออ๋อย
“เยี่ยมไหมละครับ”
เขาพูด มันเป็นช้างที่ดีที่สุดในอังกฤษผู้คนเป็นร้อยอยากพบเขาผมพาเขาไปทุกประเทศ
“ใช่
มันน่าสนใจมากเลย” ผมพูด “สามารถนั่งได้ไหมครับ”
“ได้ครับ
เชิญครับนี่เก้าอี้” เขามองมาที่ผมแล้วยิ้ม “คุณต้องการน้ำสักแก้วไหมครับ”
“ต้องการครับ”
ผมพูด จากนั้นผมมองไปรอบๆห้อง มีแอปเปิ้ลอยู่สองสามลูกและกล้วยที่เน่าอยู่
“เออ.....เออ ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมพูด
คุณเรียกสัตวประหลาดตัวนั้นว่าเมอริคหรอ
“ใช่ครับ
โจเชฟ เมอริค มนุษย์ช้างที่ดีที่สุดอังกฤษ ผมพาเขาไปทุกประเทศ
ผู้คนจำนวนมากต้องการพบเขา”
“ใช่
ฉันรู้ คุณได้รับเงินมากมายใช่ไหม”
“ใช่
บางครั้งก็ทำยากอยู่นะ คุณก็รู้ว่าพวกตำรวจไม่ชอบ ดังนั้นพวกเราจึงอยู่ได้ไม่นาน
เราจะต้องย้ายทุกอาทิตย์”
“ใช่
ฉันรู้ดี เออ....เออ... มิสเตอร์ ....เออ ซิลค๊อคครับ
มิสเตอร์ซิลค๊อค”
“ใช่
ผมนายซิลค๊อค ผมเป็นหมออยู่โรงพยาบาลลอนดอน ผมชื่อดอกเตอร์เทรเวส ผมคิดว่า
เออ....เออ โจเซฟ เมอริค เป็นคนที่น่าสนใจมากและผมต้องการพาเขาไปที่โรงพยาบาล
ผมต้องการดูแลเขาอย่างใกล้ชิด คุฯเห็นด้วยไหมครับ”
“ก็ดีนะ
ผมเห็นด้วย แต่เราจะพาเขาไปยังไงล่ะ มันน่าจะเป็นเรื่องที่ยากนะ”
“ทำไมล่ะ
ก็โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากที่นี่” “ใช่ ฉันรู้
แต่คุณก็รู้ว่าเขาเดินไม่สะดวก”
“คุฯสามารถมากับเขาได้
ต้องการเงินเท่าไรล่ะ”
“ก็ดีนะ
แต่คุณก็รู้ว่าผู้คนกลัวเขา เด็กตัวเล็กๆก็ชอบไล่วิ่งตีเขาอยู่บ่อยๆ
อีกอย่างตำรวจก็ไม่ชอบต่างก็พากันเกลียด บางครั้งพวกเขาอาจจับเข้าคุกได้”
“ฉันรู้”
ผมพูด “แล้วเราจะพาเขาไปโรงพยาบาลยังไงล่ะ”
“รถม้าสิ”
ซิลค๊อคพูด “เราพาเขาไปด้วยรถม้า”
บทที่ 2 นามบัตร
เจ็ดโมงเช่าของวันต่อมา
ผมมาที่ร้านด้วยรถม้า บนถนนยังไม่ค่อยมีผู้คนเพราะยังเป็นเวลาเช้า
ในเดือนพฤศจิกายนยังเป็นเวลามืดและผมก็ไม่สามารถเข้าไปในร้านได้ทันที ผมต้องรออีก
5 นาทีบุรุษไปรษณีย์เดินผ่านไป จากนั้นประตูร้านก็เปิด เมอริคก็เดินออกมา
ผมไม่สามารถเห็นใบหน้าหรือร่างการของเขา
เขาสวมหมวกสีดำใบใหญ่มากอยู่บนศีรษะราวกับเป็นกล่องใบใหญ่
เสื้อสีเทาต่อยาวลงมาจากหมวกปิดใบหน้าของเขาและมีแต่รูที่ดวงตาของเขา
เขาสามารถมองเห็นผมได้ แต่ผมไม่เห็นเขา
เขาสวมเสื้อสีดำยาวด้วยเสื้อเขายาวจนปิดตั้งแต่คอจนถึงเท้า
ดังนั้นผมไม่สามารถเห็นเขาได้ในทุกส่วน
เห็นแต่เท้าที่สวมรองเท้าคู่ใหญ่เหมือนถุงเก่าๆ
เขาถือไม้เท้าที่มือข้างซ้ายและเดินมาอย่างช้าๆ
ผมเปิดประตูรถม้าและเดินออกมา
“อรุณสวัสดิ์
เมอริค” ผมพูด “คุณสามารถเข้ามาได้ไหม”
“อ่วยผมอึ้นไอที”
เขาพูด
“ขอโทษนะ
ฉันไม่เข้าใจ” ผมพูด
เขายืนอยู่หน้าประตูรถม้าราวหนึ่งนาทีโดยไม่พูดอะไรเลย
จากนั้นเขาเอาไม้เท้าตีไปที่รถม้า
“ก้าว” เขาพูดขึ้นอย่างดัง “ช่วยเอาฉันขึ้นไปที”
จากนั้นผมก็เข้าใจว่าเขาอยากให้ผมช่วยพาเขาขึ้นรถม้า
“ได้ๆ
ฉันเข้าใจล่ะ ขอโทษนะ” ผมพูด “เดี๋ยวฉันช่วยเธอเอง”
ผมจับมือซ้ายของเขาแล้วเริ่มช่วยเขา
มือขวาของผมโอบหลังเขาไว้ ผมรู้สึกแปลกมากๆ
มือซ้ายของเขาเหมือนมือของหญิงสาวแต่หลังของเขามันน่ากลัวมาก
ผมรู้สึกได้ถึงหนังที่เหยี่ยวย่น
ขาข้างที่ใหญ่ก็เริ่มก้าวและจากนั้นเขาก็หยุด
อีกหนึ่งนาทีต่อมาเขาก็เริ่มก้าวอีกข้างอย่างช้าๆ
“สวัสดีครับ
มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
ฉันเห็นเขาอยู่ข้างหลังฉันมีบุรุษไปรษณีย์ยืนอยู่ผมเห็นชายหนุ่มสามคน
หนึ่งในนั้นมีผู้ชายยืนหัวเราะอยู่
บุรุษไปรษณีย์ยิ้ม
“สุภาพบุรุษท่านนั้นไม่สบายหรือครับ” เขาถาม
ผมคิดอย่างรวดเร็ว
“ใช่ครับแต่เขาเป็นสุภาพสตรีครับ
ผมเป็นหมอและเธอก็ป่วยอยู่ จับมือเธอไว้” ดังนั้นฉันสามารถช่วยเธอได้ง่ายขึ้น
บุรุษไปรษณีย์จับมือซ้ายของเมอริคและช่วยเขาขึ้นอย่างช้าๆ
เมอริคขึ้นรถม้าได้ตามขั้นๆ
มีผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับรถม้า
เขาบอกเพื่อนเขาว่า “มาดูผู้ชายคนนี้เร็วเข้า”
ผู้ชายเหล่านั้นหัวเราะ
รวมทั้งทุกคนที่อยู่ใกล้กับรถม้าด้วย ฉันจึงปิดประตูอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมากนะ”
ผมบอกบุรุษไปรษณีย์
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาครับ “เธอเป็นหญิงที่แปลกหรือเปล่าครับ”
“หล่อนไม่สบายนะ”
ผมตอบอย่างเร็ว “พวกเราต้องไปโรงพยาบาล
ลาก่อนนะ ขอบคุณมาก”
รถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่ไปยังโรงพยาบาล
ผมดูเมอริค “มันลำบากหรือเปล่า”
ผมพูด
ตอนแรกเขาไม่ยอมพูด
แต่ต่อมาเขาก็พูดขึ้นเสียงของเขาประหลาดมากๆแต่ฉันก็พยายามฟังอย่างตั้งใจและสามารถเข้าใจเขาได้
“มันยากมากครับ”
เขาพูด แต่ทุกอย่างก็ยากสำหรับฉัน
“ใช่”
ผมพูด ไม่มีอะไรง่ายสำหรับคุณใช่ไหม
“ก็ไม่นะ”
เขาพูด แล้วเขาก็เงียบไปราวหนึ่งนาที จากนั้นเขาก็พูดว่า “คุณเป็นใคร”
“ผมเป็นใครนะหรอ
โอ้ ขอโทษที ผมชื่อดอกเตอร์เทรเวส นี่เป็นนามบัตรของผม”
ผมยื่นนามบัตรให้เขา
จากนั้นผมก็คิดว่า “ผมไม่ควรให้เขาไป
เขาไม่สามารถอ่านมันออกได้” แต่เมอริคก็หยิบนามบัตรมาดูอย่างตั้งใจและนำมันใส่ลงในกระเป๋ากางเกง
ผมพูดกับเขาไม่ได้มากก็ถึงโรงพยาบาล
ผมมองไปที่ศีรษะ แขน ขาและร่างกายของเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็เขียนรายละเอียดที่สำคัญลงไปในสมุดเล่มเล็ก
มีพยาบาลช่วยผมอยู่ด้วย เมอริคแอบมองเธอบ้างบางครั้ง แต่เธอก็ไม่ยิ้มไม่พูด
ผมคิดว่าเธอคงกลัวเขาและเขาก็กลัวเธอเช่นกัน เพราะเขาเงียบมาก
เวลาสี่โมงเย็น
ผมพาเขากลับไปยังร้านโดยรถม้าและในวันต่อมาผมไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีรูปนั้นแล้ว
บทที่ 3 จดหมายถึงหนังสือพิมพ์เดอะไทม์
ฉันไม่เจอเมอริคมาตั้ง
2 ปีแล้วหลังจากนั้น วันหนึ่งตำรวจได้เจอเขา
เขามีนามนามบัตรของผมอยู่ในมือ ดังนั้นตำรวจจึงพาเมอริคกลับมายังโรงพยาบาล
เขาดูทั้งเหนื่อยทั้งหิวและเนื้อตัวสกปรก ผมจึงพาเขาไปนอนในห้องที่เงียบขนาดเล็ก
แต่เขาไม่สามารถอยู่ที่โรงพยาบาลได้เพราะเขาไม่ได้ป่วย
แน่นอนว่าเตียงที่โรงพยาบาลมีไว้สำหรับคนที่ป่วยเท่านั้น
พวกเราไม่ได้มีเตียงไว้สำหรับคนที่หิวและน่าเกลียดน่ากลัว
ฉันบอกกับหัวหน้าของโรงพยาบาลคือ
คุณคาร์ คอม เกี่ยวกับเมอริค
เขาฟังผมอย่างตั้งใจและจากนั้นเขาก็เขียนจดหมายไปถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์
จากหนังสือพิมพ์เดอะไทม์
วันที่ 14 ธันวาคม 1886
บรรณาธิการ
เรียนทุกท่าน
ฉันกำลังเขียนถึงคุณเกี่ยวกับคนๆหนึ่งในโรงพยาบาลของเรา
เขาต้องต้องการความช่วยเหลือจากทุกคนเขาชื่อว่า โจเซฟ เมอริค เขาอายุ 27
ปีเขาไม่ได้ป่วยหรอก
แต่เขาไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เพราะเขามีรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวมากๆ
ไม่มีใครชอบเขาและบางคนก็กลัวเขา พวกเราเรียกเขาว่ามนุษย์ช้าง
2
ปีผ่านมาเมอริคอาศัยอยู่ในร้านใกล้ๆกับโรงพยาบาลลอนดอน แลกกับเงิน 2 เพนนี
ทำให้ผู้คนสามารถเจอเขาและหัวเราะเขาได้ วันหนึ่งดอกเตอร์ ฟริเดอริ ทรีฟ
คุณหมอที่โรงพยาบาลได้เจอกับเมอริคและพาเมอริคไปยังโรงพยาบาลดูแลอย่างเอาใจใส่ ดอกเตอร์ไม่สามารถช่วยเมอริคได้แต่เขาได้ให้นามบัตรของเขาไว้
จากนั้น
คนดูแลที่ร้าน ซิลค๊อค ก็พาเมอริคไปยังเบลเยียม ผู้คนมากมายในประเทศเบลเยียมต้องการเจอเขา
และหลังจากหนึ่งปีเมอริคมีเงิน 50 ปอนด์ แต่หลังจากนั้นซิลค๊อคก็เอาเงิน 50
ปอนด์ของเมอริคไปและทิ้งเมอริคไว้แล้วเขาก็กลับลอนดอน
เมอริคกลับมายังลอนดอนด้วยตังเอง
ทุกคนต่างมองละหัวเราะเขา ตำรวจจึงจับตัวเขาไป แต่จากนั้นพวกเขาก็เห็นนามบัตรของด๊อกเตอร์ทรีฟและเขาก็พาเมอริคกลับไปยังโรงพยาบาลลอนดอน
คนๆที่ไม่มีเงิน
ไม่สามารถทำงานได้ ใบหน้า ร่างการก็น่าเกลียดน่ากลัว และแน่นอนว่าทุกคนกลัวเขา
แต่เขาก็เป็นคนที่น่าสนใจมากเขาสามารถอ่านและเขียนได้ มีความคิดที่ดี
เป็นคนดีเป็นคนเงียบๆ
บางครั้งเขาทำบางสิ่งบางอย่างให้กับพยาบาลที่ดูและเขาเพราะพวกเราใจดีกับเขา
เขาจำแม่ของเขาได้และเขาก็มีรูปของเธอด้วย
เธอเป็นผู้หญิงที่ดูสวยและใจดี เขาบอกแต่เขาไม่เคยเจอแม่ของเขา
เพราะเธอให้เมอริคกับซิลค๊อคไว้มาเป็นเวลานาน
ผู้อ่านหนังสือพิมพ์เดอะไทม์สามารถช่วยเขาได้ไหม
คนที่ไม่ได้ป่วยแต่ต้องการบ้าน พวกเราสามารถให้เขาอยู่ในห้องของโรงพยาบาลได้
แต่พวกเราต้องการเงินจำนวนหนึ่ง โปรดตอบกลับฉันมาที่โรงพยาบาลลอนดอนด้วย
ด้วยความนับถือ
เอฟ
ซี แคร์ คอม
ประธานโรงพยาบาลลอนดอน
ผู้อ่านหนังสื่อพิมพ์ใจดีมากๆเขาบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ พวกเรามีเงิน 50,000
ปอนด์ ทำให้เมอริคสามารถอาศัยอยู่ในรงพยาบาลได้ตลอดชีวิตของเขา
พวกเราสามารถหาบ้านให้เขาได้แล้ว
บทที่ 4 บ้านหลังแรกของเมอริค
พวกเราให้เมอริค
2 ห้อง ที่ด้านหลังโรงพยาบาล ห้องแรกคือห้องอาบน้ำ
เขาสามารถอาบได้ทุกวันอีกไม่นานผิวของเขาก็จะดีขึ้นและไม่เหม็นอีก
ห้องที่สองคือห้องนอน
มีเตียง โต๊ะและเก้าอี้ ฉันมาเยี่ยมเขาทุกวันและมาพูดคุยกับเขา
เขาชอบอ่านหนังสือและเล่าเกี่ยวกับหนังสือแรกๆเขาไม่รู้จักหนังสือเหล่านี้ คือ
ไบเบิ้ลและหนังสือพิมพ์
แต่ฉันให้หนังสือเรื่องราวเกี่ยวกับความรักกับเขาไว้จำนวนหนึ่ง
เขาชอบมันมากๆขาอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีกและมักจะพูดถึงมันบ่อยมาก สำหรับเขา
คนที่อยู่ในหนังสือเล่มนั้นมีชีวิต เขามีความสุขมากๆ
แต่บางครั้งมันก็ยากสำหรับเขา
ครั้งหนึ่ง คนในโรงพยาบาล หัวเราะเมอริคเพราะเขาน่ากลัว
บางครั้งพวกเขาพาเพื่อนๆมาดูเมอริค มีอยู่วันหนึ่งมีพยาบาลคนใหม่เข้ามายังโรงพยาบาล
และไม่มีใครบอกเขาเกี่ยวกับเมอริค
เขาได้นำอาหารมาให้เมอริคที่ห้องหลังจากเขาเปิดประตูเธอก็เห็นเมอริค
เธอร้องกรี้ดและทำอาหารตกลงบนพื้นและวิ่งออกจากห้องไป
ฉันโกรธพยาบาลคนนั้นมากและไปหาเมอริคที่ห้อง
เขาดูไม่มีความสุขแต่เขาไม่โกรธ ฉันคิดว่าเขารู้สึกอยากขอโทษผู้หญิงคนนั้น
“ผู้คนเหล่านั้นไม่ชอบฉัน
ฉันรู้ดี ด๊อกเตอร์ทรีฟ” เขาพูด “พวกเขามักหัวเราะและกรี้ดร้องฉันบ่อยๆ”
“ใช่
ฉันไม่ต้องการให้พยาบาลเหล่านั้นหัวเราะคุณนะโจเซฟ” ฉันพูดอย่างโมโห
“ฉันต้องการให้พวกเขาช่วยคุณ”
“ขอบคุณครับ
คุณหมอ” เขาพูดเสียงเบาๆแปลกๆ แต่มันไม่สำคัญหรอกครับ
ทุกคนที่หัวเราะฉัน ฉันเข้าใจเขา
ผมดูเขาเศร้าๆในมือข้างที่ดีของเขาถือรูปแม่เขาเอาไว้
เขาจ้องมองรูปภาพนั้นราวหนึ่งนาทีและจากนั้นเขาวางลงบนโต๊ะที่มีดอกไม้
น้ำตาของเขาไหลลงมาที่ผิวหน้าอันน่ากลัวของเขา
“ด๊อกเตอร์ทรีฟ”
เขาพูดอย่างช้าๆ “คุณพยาบาลเหล่านั้นใจดีและฉันมีความสุขกับที่นี่
ขอบคุณมากๆ แต่.....ผมรู้ ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน และ...... ผมต้องการไปอยู่ที่ประภาคารหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ประภาคารเป็นบ้านพักสำหรับคนตาบอด ฉันคิดว่ามันเป็นที่ๆดีที่สุดสำหรับฉัน”
“คุณหมายความว่าอย่างไร”
ฉันถาม “ทำไมล่ะ”
เขาไม่สบตาฉัน
เขาวางดอกไม่บนโต๊ะและจ้องมองอย่างตั้งใจ
“ประภาคารเป็นบ้านที่มีทะเลล้อมรอบไม่ใช่หรอ”
เขาพูด ก็ไม่มีใครสามารถมองเห็นฉันได้
ดังนั้นฉันจะมีความสุขกับที่นั้น และคนตาบอดที่มองไม่เห็นอะไร
ดังนั้นเขาไม่สามารถมองเห็นฉันได้ไม่ใช่หรือ
“แต่
โจเซฟ’ ฉันพูด “ตอนนี้ที่นี่คือบ้านของคุณ
คุณอยู่ที่นี่ตอนนี้ คุฯไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้”
“บางทีอาจจะไม่ใช่วันนี้”
เขาพูด “แต่อีกไม่นาน คุณเป็นคนที่ใจดี ด๊อกเตอร์ทรีฟ
แต่ฉันไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานจริง ฉันไม่มีเงิน”
ฉันยิ้ม
“โจเซฟ” ผมพูด “ตอนนี้ที่นี่คือบ้านของคุณ คุณไม่เข้าใจหรอ
คุณสามารถอยู่ที่นี่ๆด้ตลอดชีวิต
ฉันบอกเขาเกี่ยวกับจดหมายที่เขียนถึงหนังสือพิมพ์เดอะไทม์และเงินที่ได้รับ”
ตอนแรกไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจ
ฉันจึงพูดอีกครั้ง เขาเงียบไปราวหนึ่งนาที
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว
และมีเวียงแปลกๆออกมาคล้ายกับเขาดีใจ
บทที่ 5 ผู้เยี่ยมคนสำคัญ
ฉันไม่ต้องการให้เมอริคอยู่ตามลำพังเหมือนคนในบ้านประภาคาร
เขาชอบอ่านหนังสือและเล่าให้ฉันฟัง แต่ฉันต้องการให้เขาเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง
และฉันต้องการให้เขาเล่าให้ผู้หญิงฟัง
เมอริคอ่านหนังสือเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่เขามักจะไม่พูดถึงผู้หญิงเหล่านั้น
เขาเจอพยาบาลทุกวันแต่เขาไม่เคยพูดถึงเลยเพราะสำหรับเขาเมอริคคือตัวประหลาด
วันหนึ่ง
มีเพื่อนคนหนึ่งของผม เธอเป็นหญิงสาวที่ยังสวยงามเข้ามาในโรงพยาบาล
ฉันบอกเธอเกี่ยวกับเมอริคและพาเธอไปหาเมอริค เธอเปิดประตูพร้อมกับยิ้มให้เขา
“สวัสดีจ้า
เมอริค” เธอพูด จากนั้นเธอก็จับมือทักทายเขา
เมอริคจ้องไปที่เธอราวหนึ่งนาทีพร้อมปากของเขาที่เปิดออก
จากนั้นเขานั่งลงบนเตียงพร้อมกุมขมับและร้องออกมาราว 5 นาที
น้ำตาของเขาไหลลงมาที่ใบหน้าและตกลงไปที่พื้น
เพื่อนของฉันนั่งอยู่บนเตียงใกล้ๆกับเขา
วางมือของเธอไว้บนแขนของเขา
เธอไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มกับเขาและจับมือทักทายเขาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะออกไป
“ดอกเตอร์”
เขาพูดกับผม สุภาพสตรีคนนั้นดีมาก
แม่ของฉันเคยยิ้มกับฉันครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้ว แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนยิ้มให้ฉัน
ในตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้ฉันด้วยและยังจับมือทักทายฉันอีก
เธอคือผู้หญิงที่ยิ้มและจับมือฉัน
เพื่อนสาวของฉันเขากลับมาอีกครั้งในอาทิตย์ถัดไปและพูดคุยกับเมอริคราวครึ่งชั่วโมง
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น เธอกลับมาอีกครั้งพร้อมเพื่อน
พวกเขาให้หนังสือเมอริคและมีกาแฟให้กับฉัน มันเป็นสิ่งที่วิเศษสำหรับเขาเลย
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขามีเพื่อน เขาดูมีความสุขมากๆเขานั่งอยู่ในห้องและอ่านหนังสือ
โดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับประภาคารอีกเลย
ผู้คนที่เริ่มอ่านเกี่ยวกับเมอริคในหนังสือพิมพ์มีมากขึ้นทุกวัน
ดังนั้นจึงมีคนมาเยี่ยมเขาจำนวนมาก ทุกคนต้องการเจอเขา มีแต่คนสำคัญทั้งชายและหญิง
พวกเขายิ้มให้เมอริคและจับมือทักทายและให้หนังสือเขา เมอริคชอบพูดถึงคนเหล่านั้น
แล้วเขาก็เริ่มลืมเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาอันน่าเกลียดของเขา
คนที่มาเยี่ยมเขาไม่เคยหัวเราะเยอะเขา เขาเริ่มรู้สึกชอบคนซึ่งเขาไม่ใช่ตัวประหลาด
ในวันที่แสนพิเศษ
ผู้หญิงคนสำคัญมาที่โรงพยาบาลเพื่อมาเยี่ยมเขา ฉันเจอผู้หญิงคนนั้นและพาเธอไปยังห้องของเมอริค
จากนั้นฉันก็เปิดประตูและยิ้มให้เขา
“สวัสดีโจเซฟ”
ฉันพูด นี่เป็นผู้เยี่ยมคนใหม่ในวันนี้ของคุณ
เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง
เมอริคยืนข้างโต๊ะของเขา
เขาไม่ยิ้มเพราะใบหน้าของเขาไม่สามารถยิ้มได้ แต่ตาของเขาดูมีความสุข
“มันดีครับ”
เขาพูด “คุณเป็นใคร”
ฉันย้ายออกมาจากประตูนั้นและคนเยี่ยมเดินเข้ามา
“คุณมาเจสตี๊ นี่คือโจเซฟ เมอริค” ฉันพูด “โจเซฟ นี่คุณมาเจสตี๊
ราชินีแห่งประเทศอังกฤษ”
ราชินียิ้มกับเขา
“สบายดีไหม เมอริค” เธอถาม “ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เจอเธอ” จากนั้นเธอจับมือทักทายเขา
เมอริคอยู่นิ่งไปประมานครึ่งนาที
เขายืน ละมองไปที่เธอแล้วพูดด้วยเสียงเบาๆช้าๆ
“สบายดีไหมครับคุณมาเจสตี๊”
เขาพูด แต่ฉันไม่คิดว่าท่านจะเข้าใจเขา เพราะเขาพยายามคุกเข่าตลอดเวลา
มันยากมากสำหรับเขาเพราะขาของมันใหญ่มาก
“ไม่ต้องหรอกเมอริคลุกขึ้นเถอะ”
ราชินีพูด “ฉันต้องการให้เธอพูดกับฉัน
พวกเราสามารถนั่งที่โต๊ะได้ไหม”
“ได้....ได้แน่นอนครับ”
เขาพูด พวกเขานั่งที่โต๊ะ เธอจับมือซ้ายของเขา
เธอมองไปที่มือของเขาอย่างละเอียด และจากนั้นก็ยิ้มให้เมอริคอีกครั้ง
“ฉันอ่านเกี่ยวกับเรื่องของคุณในหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ”
เธอพูด
“คุณเป็นคนที่น่าสนใจมากๆคุเมอริค
คุณใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแต่ผู้คนบอกว่าคุณมีความสุขมันจริงใช่ไหม
ตอนนี้คุณมีความสุขใช่ไหม”
“โอ้
ใช่ครับคุณมาเจสตี๊ ใช่ๆ” เมอริคพูด “ฉันมีความสุข
ฉันมีบ้านที่นี่ตอนนี้ มีเพื่อนและมีหนังสือของฉัน ฉันมีความสุขตลอดเวลา”
“เรื่องนี้มันพิเศษยังไงล่ะ”
เธอถาม “ฉันอยากได้ยินมันมากๆ
บอกฉันเกี่ยวกับมันได้ไหม ฉันเห็นคุณมีหนังสือมากมายที่นี่”
“ใช่ครับ
คุณมาเจสตี๊ ฉันรักหนังสือของฉันมาก” เมอริคพูด
และเกือบครึ่งชั่วโมงที่พวกเขาคุยกันเรื่องหนังสือ
ราชินีมอบหนังสือและดอกไม้ก่อนออกจากห้องไป
หลังจากที่ราชินีได้มาเยี่ยมเมอริคก็ร้องเพลง
เขาไม่สามารถร้องเพลงได้อย่างสะดวกเพราะปากของเขา
แต่ทั้งวันเขาส่งเสียงร้องแปลกๆเสียงดัง อย่างมีความสุขในห้อง
เขาจ้องมองไปที่ดอกไม้อย่างตั้งใจและวางมันลงบนโต๊ะ
ราชินีได้มาเยี่ยมเขาหลายครั้งและในวันคริสต์มาส เธอก็ส่งการ์ดมาให้กับเมอริค
ปราสาทวินดรอ
วันที่
20 ธันวาคม 1888
เรียนคุณโจเซฟ
นี่เป็นของขวัญเล็กๆให้คุณ
ฉันคิดว่ามันดูเหมือนคุณ ใช่หรือไม่
ฉันชอบไปเยี่ยมคุณมากและฉันจะไปโรงพยาบาลอีกครั้งในวันปีใหม่
มีความสุขในวันคริสต์มาส
เพื่อนของคุณ
อเลกซานดรา
ของขวัญเป็นรูปภาพของราชินีกับชื่อเมอริคร้องไห้เพราะมันและวางมันลงอย่างๆพิถีพิถันบนเตียง
จากนั้นเขานั่งลงและเขียนจดหมายถึงราชินี
มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เขียนจดหมาย
โรงพยาบาลลอนดอน
23 ธันวาคม 1888
เรียนท่านราชินี
ขอบคุณมากๆสำหรับการ์ดที่แสนพิเศษและรูปสวยๆมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในห้องนี้
มันเป็นสิ่งสวยงามที่สุดสำหรับฉัน เป็นครั้งแรกในวันคริสต์มาสที่ผมได้ของขวัญบางทีครั้งหนึ่งฉันเคยมีคริสต์มาสกับแม่ก็ได้
แต่ฉันจำไม่ได้ ฉันมีรูปแม่ด้วยนะและเขาสวยเหมือนกับคุณ
แต่คุณคือคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกับทรีฟและฉันมีความสุขมาก
ฉันมีความสุขได้เพราะฉันจะได้เจอคุณในปีใหม่ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับ
บทที่ 6 ข้างนอกโรงพยาบาล
ตอนนี้เมอริคมีเพื่อนเยอะแล้ว
แต่เขาชอบเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เขาสามารถอ่านหลายๆสิ่งได้และชอบพูดกับคนที่มาเยี่ยมเขา
แต่เขาไม่สามารถออกไปจากโรงพยาบาลนี้ด้วยตัวเองได้
เขามีความคิดและชอบเล่นเหมือนเด็ก
หลังจากคริสต์มาส
เขาต้องการไปที่โรงละคร
ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเพราะฉันไม่ต้องการให้ใครก็ตามที่อยู่ในโรงละครเห็นเขา
แต่มีผู้หญิงใจดีจากโรงละครคือคุณเคนเดอผู้ที่ช่วยพวกเราไว้
พวกเราซื้อตั๋วจากช่องข้างๆของโรงละคร
พวกเราไปโรงละครโดยรถม้าและปิดหน้าต่างหมดทุกบาน
พวกเราเข้าไปในโรงละครโดยประตูข้างหลัง
ซึ่งเป็นประตูของราชินีที่ไม่มีใครเห็นพวกเรา
พยาบาล
3 คนนั่งอยู่ข้างหน้าโรงละครกับเมอริคและฉันนั่งอยู่ข้างหลังของพวกเขา
ไม่มีใครในโรงละครสามารถเห็นพวกเราได้
มันเป็นละครคริสต์มาสเด็ก
เมอริคชอบมาก มันดูน่ามหัศจรรย์ น่าตื่นเต้น บ่อยครั้งที่เขาจะหัวเราะ
และบางครั้งเขาพยายามร้องตามเด็กๆในรงละคร เขาดูเหมือนเป็นเด็กสำหรับเขาทุกอย่างในละครคือเรื่องจริง
มีอยู่หนึ่งฉากที่เขากลัวมากเพราะมีผู้ชายใจร้ายในละครที่โกรธและมีมีด
แล้วเมอริคก็ต้องการที่จะออกจากโรงละคร แต่ฉันหยุดเขาไว้ได้
จากนั้นเขาก็โกรธผู้ชายคนนั้นเอามากๆ
เขาตีมือของเขาที่อยู่บนเก้าอี้และยืนต่อว่าผู้ชายคนนั้น
แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาเมื่อชายคนนั้นถูกจับเขาคุก เมอริคก็หัวเราะ
เมอริคว่าสาวสวยในโรงละครนั้นน่ารักมาก
เขาต้องการคุยกับเธอด้วย
ในตอนสุดท้ายของละครเขามีความสุขมากเพราะผู้หญิงคนนั้นได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่ดี
เขาสามารถจำเรื่องราวของบทละครได้เป็นเวลานาน
เขามักจะพูดถึงเกี่ยวกับผู้คนในเรื่อง”คุณคิดอะไร
หลังจากที่คุณออกไป” เขาถามฉัน “ผู้หญิงและผู้ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้พวกเขาทำอะไรอยู่” “ฉันไม่รู้” ฉันพูด บางที่พวกเขาอาจอาศัยอยู่ในชนบทนี้ก็ได้
เมอริคคิดอยู่กับสิ่งนี้อยู่นาน
จากนั้นเขาพูดขึ้นมาว่า “ด๊อกเตอร์ทรีฟ
ฉันสามารถไปที่ชนบทนั่นได้ไหม” ผมเคยผ่าชนบทมาครั้งหนึ่งตอนนั่งรถไฟ
แต่ผมก็ไม่เคยไม่ที่นั้น แต่ก็เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับมัน มันสวยมากใช่ไหม
ผมอยากเห็นมันจริงๆ
การไปครั้งนี้แตกต่างกับการไปโรงละครเพราะมันยากกว่า เป็นอีกครั้งที่เพื่อนของเขาได้ช่วยพวกเรา
หล่อนมีบ้านหลังเล็กอยู่มรชนบทนั้นและเมอริคก็สามารถอยู่ที่นั่นได้จนถึงฤดูร้อน
ฉันพาเมอริคไปที่นั่นด้วยรถไฟ
ไม่มีใครเห็นเขาได้จากนั้นพวกเราเดินทางต่อด้วยรถม้าเพื่อไปที่ชนบทนั่น
มีต้นไม้มากมายอยู่ใกล้บ้าน
แต่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ใกล้เลย คนในชนบทจะซื้ออาหารกลับมาบ้านทุกวัน
แต่ก็ไม่เห็นผู้คนเขามาใกล้บ้านเลย
ฉันอยู่กับเขาตอนกลางคืน
ในตอนกลางคืนมันมืดและเงียบมาก ในตอนเช้า จะมีเสียงนกเป็นร้อยๆตัวอยู่บทต้นไม้
และทุกสิ่งของนอกดูเขียวชอุ่ม เมอริคเดินอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่
มองรอบๆอย่างมีความสุขและร้องเพลงด้วยเสียงอันแปลกประหลาดของเขา
ฉันกลับไปลอนดอนแต่เมอริคยังอยู่ที่นี่เป็นเวลา
6 สัปดาห์ เขามีความสุขเป็นพิเศษ ทุกๆสัปดาห์เขาจะเขียนจดหมายถึงฉัน
บ้านต้นแอปเปิ้ล
วิคแฮมตะวันตก
เบิร์กเชียร์
21 กรกฎาคม 1889
ถึงดอกเตอร์ทรีฟ
วันนี้เป็นวันพิเศษของผม
มันอบอุ่นมากๆ ผมจึงเดินไปใต้ต้นไม้และลำธาร
เสียงของสายน้ำที่ลำธารเป็นสียงที่เพราะเหมือนเสียงดนตรี คุณรู้ไหม ผมฟังมันอยู่ 2 ชั่วโมง
มีนกตัวเล็กมากมายเข้ามาใกล้ผม
นกสีแดงตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้าและตัวสีนำตาลอยู่ข้างหลัง ผมให้มันกินขนมปังและมันก็อยู่บนมือของผม
ตอนนี้ผมมีนกมากมายเลย
ผมมองดูปลาในลำธารด้วย
พวกมันน่าตื่นเต้นมากเพราะมันว่ายน้ำอย่างเร็ว
ในหนึ่งนาที่พวกมันอยู่ที่นั่นและอีกหนึ่งนาทีถัดมาผมไม่เห็นมันแล้ว
แต่ผมก็เฝ้ารอดูอย่างเงียบๆแล้วพวกมันก็กลับมา ผมวางมือของผมในน้ำ
แต่ไม่สามารถสัมผัสพวกปลาได้
เมื่อวานนี้
ผมพบสุนัขตัวใหญ่ มันเห่าเสียงดังแต่ผมไม่กลัว ผมนั่งเงียบๆแล้วดูมัน
แล้วมันก็เข้ามาดมมือของผม ผมเจอมันอีกครั้งและให้มันกินขนมปัง วันนี้มันชอบผมมาก
ผมกำลังจะไปเก็บดอกไม้จากในชนบทในจดหมายนี้
ที่นี่มีดอกไม้เป็นร้อยๆดอก คุณรู้ไหม ผมชอบสีฟ้ามากที่สุด แต่พวกมันก็สวยทั้งหมด
ในห้องของผมมีดอกไม้มากมาย ผมรดน้ำให้พวกมันทุกเช้า ดอกไม้เล็กๆมันต้องการน้ำ
คุณก็รู้
ผมมีความสุขกับที่นี่มากๆคุณหมอครับ
แต่ผมก็ต้องการเจอคุณอีกครั้ง
ด้วยรักจากเพื่อนของคุณ
โจเซฟ
เมอริค
เมื่อหมดช่วงฤดูร้อนเขาก็กลับมายังลอนดอน เขาดีขึ้นมากๆ
ผิวของเขาก็ดีขึ้นมาก เขาพูดเกี่ยวกับที่เขาไปให้ฟังมากมาย
แต่เขาก็มีความสุขที่เห็นเพื่อนของเขาและหนังสือของเขาอีกด้วย
บทที่ 7 จดหมายฉบับสุดท้าย
หกเดือนผ่านไปในเดือนเมษายน 1890 ผมพบว่าเสียชีวิตแล้วบนที่นอน
หลังของเขาพิงอยู่กับเตียง ตอนแรกผมคิดว่าเขานอนหลับอยู่
ผมพูดกับเขาก็ไม่โต้ตอบหรือเคลื่อนไหวใดๆ จากนั้นผมเห็นสีหน้าเขาเป็นสีฟ้า
ฉันจึงรู้ว่าเขาตายแล้ว
โดยปกติเขาจะไม่นอนหันหลัง หัวของเขาหนักมาก
ปกติเขานอนอยู่บนเตียงและศีรษะเขาอยู่บนคอ
แต่เขาไม่หลับเหมือนคุณและฉัน
เขาพยายามเขาพยายามหลับเอาหลังพิงแต่ศีรษะตกจากเตียงคอพับ เขาจึงตายอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา
ประธานของโรงพยาบาลลอนดอน
ได้เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์อีกครั้ง
หนังสือพิมพ์เดอะไทม์
ถึงท่าน
เมื่อสามปีก่อน ผมได้เขียนจดหมายถึงคุณเกี่ยวกับเรื่องของโจเซฟ เมอริค
หรือที่เรียกเขาว่า มนุษย์ช้าง เพราะเขาเกิดมาน่าเกลียดน่ากลัว
เมอริคเขาไม่ได้ป่วยแต่เขาไม่สามารุทำงานได้ และเขาก็ไม่มีเงิน
ผู้อ่านหนังสือพิมพ์เดอะไทม์รู้สึกสงสารเขาและได้บริจาคเงินให้เขาจำนวนมาก
เพราะเงินพวกคุณพวกเราจึงสามารถช่วยให้เมอริคมีบ้านในโรงพยาบาลลอนดอน
มันเป็นบ้านหลังแรกของเขาและในสามปีกว่าๆที่ผ่านมา เขามีความสุขมาก
ทั้งหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลช่วยเหลือเขา และมีหลายบุคคลสำคัญมาเยี่ยมเขา
เขาอ่านหนังสือหลายเล่ม เขาได้ไปโรงละคร และตอนฤดูร้อนเขาได้ไปชนบทเป็นเวลา 6
เดือน เนื่องจากผู้อ่านได้บริจาคเงินให้เขา
พวกเราจึงสามารถทำให้ชีวิตเขามีความสุขได้
เมื่อคืนที่ผ่านมาเมอริคได้เสียชีวิตลง
เขาเป็นมนุษย์ที่ร่างกายน่าเกลียด แต่เขาก็เป็นคนดี ใจดีและมีเพื่อนมากมาย
พวกเราชอบพูดถึงเขา และพวกเราทั้งหมดก็เสียใจที่เขาตาย ผู้คนมากมายจะจดจำเขาตลอดไป
เงินบางส่วนที่เหลืออยู่
ฉันจึงจะขอเก็บมันไว้ให้โรงพยาบาล ขอบคุณมากครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
เอฟ
ซี คาร์ คอม
ประธานโรงพยาบาลลอนดอน